วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: He is Psychometric (TV Series 2019)

 He is Psychometric (TV Series 2019) tvN

#ปีนรั้วรีวิว #Mystery #Drama
      ยุนแจอิน (Ye-Eun Shin) เด็กมัธยมปลายที่ย้ายโรงเรียนกลางเทอม เพื่อหลีกหนีปัญหาบางอย่างในชีวิต ระหว่างที่เธอเดินทางมายังโรงเรียนแห่งใหม่ เกิดเรื่องบังเอิญทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่า อีอัน (Jin-young Park) เด็กหนุ่มมาดเกรียนโรงเรียนเดียวกับเธอนั้น เป็นพวกสตอลเกอร์โรคจิตแอบถ้ำมอง แต่ความจริงทั้งสองคนมีอดีตที่เกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้วอพาร์ทเม้นท์ยองซองที่ อีอัน อาศัยอยู่กับครอบครัวเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้น แล้วผู้ต้องหาคนสำคัญที่ตำรวจจับได้และตอนนี้กำลังรับโทษอยู่ในคุก ก็คือ ยุนแทฮา (Jung Suk Yong) พ่อของ แจอิน เจ้าหาที่รักษาความปลอดภัยของอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้น

การที่ อีอัน สูญเสียครอบครัวจากเหตุการณ์ไฟไหม้ แลกมาด้วยการที่เขาได้รับความสามารถพิเศษ Psychometric เมื่อสามารถอ่านความทรงจำผ่านการสัมผัสร่างกายคนหรือสิ่งของ ทั้งยังได้พี่ชายบุญธรรมอย่างอัยการ คังซองโม (Kwon Kim) อดีตเด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิต อีอัน จากเหตุไฟไหม้ครั้งนั้น ดูแลแลเสมือนคนในครอบครัว เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เหลือใคร เมื่อแม่ของ ซองโม ก็ถูกฆาตกรรมและกลายเป็นศพถูกเผาในเหตุไฟไหม้เดียวกันนั้น

ทว่าเรื่องที่ แจอินและอีอัน ยังไม่รู้ก็คือ การที่ทั้งสองคนได้มารู้จักกัน มันไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความต้องการของใครบางคนที่มั่นใจว่า ยุนแทฮา พ่อของ แจอิน นั้นไม่ใช่คนร้ายตัวจริง จึงวางแผนให้ทั้งสองคนร่วมมือกันสืบหาความจริงที่ว่า ในคืนนั้นที่อพาร์ทเม้นท์ยองซองมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วใครกันเป็นคนร้ายตัวจริงที่ฆาตกรรมและวางเพลิง จนมีคนเสียชีวิตมากมาย
      ซีรีส์สืบสวนที่ออกจะไม่ได้สืบสวนสักเท่าไหร่ ฮ่าฮ่า เพราะส่วนใหญ่จะเน้นที่ความสามารถพิเศษของ อีอัน เลยทำให้พาทของการสืบสวน หาหลักฐาน มันถูกลดทอนลงไป กลายเป็นว่าความลึกลับปริศนาของเรื่องราว การกระทำของแต่ละตัวละคร ถูกเฉลยผ่านความสามารถพิเศษของ อีอัน เสียส่วนใหญ่ ฉะนั้นใครที่คาดหวังว่าจะได้ดูการสืบสวน ตามหาหลักฐาน ข้อเท็จจริง แบบเข้มข้น บอกได้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ตอบโจทย์นั้นเท่าไหร่

ซีรี่ส์เน้นการดำเนินเรื่องด้วยการให้เวลา กับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลัก ไม่ว่าจะระหว่าง อีอันกับคังซองโม หรือ อีอันกับยุนแจอิน ในตอนแรกก็ผมยังมีความแปลกใจนะ ว่าทำไมซีรีส์มาให้น้ำหนักเรื่องพวกนี้มากเหลือเกิน แต่พอถึงตอนจบที่เรื่องราวเฉลยออกมาทั้งหมดแล้วไม่แปลกใจเลย อาจจะไม่ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าเงิบพลิกความคาดหมายจนตกเก้าอี้ แต่ดูจบไป 10 อีพีก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะลงเอยด้วยบทสรุปแบบนั้น ที่ออกจะชวนหน่วงพอจะเข้าใจหัวอกตัวละครเหมือนกัน แล้วก็พาให้สงสัยว่าเรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงขั้นนั้นได้อย่างไร

ส่วนตัวผมเองที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ก็เพราะเห็นว่าเป็นซีรีส์สืบสวน ที่ตัวละครเอกมีพลังพิเศษเลยอยากเปลี่ยนแนวจากซีรี่ส์สืบสวนเรื่องอื่นบ้าง แต่เอาจริงแอบผิดคาดเหมือนกันนะ การดำเนินเรื่องค่อนข้างช้าไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เพราะกว่าเนื้อหาจะเข้มข้นก็อีพี 11 ไปแล้ว ช่วง 10 อีพี แรกดำเนินเรื่องเรื่อย ๆ เนื้อหาไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ อย่างที่บอกว่าซีรีส์ไปเน้นความสัมพันธ์ตัวละคร

อีกอย่างหนึ่งก็คือตัวละครเองก็แทบไม่มีพัฒนาการเลย ตลอด 16 อีพี อีอัน เล่นเป็นเด็กอยู่ยังไง ก็เป็นอยู่อย่างนั้นแทบตลอดเรื่อง กว่าจะจริงจังกับเขาได้ก็จนมีคนตาย 2-3 อีพีสุดท้ายใกล้จะจบแล้ว เอาจริงก็เข้าใจแหละว่าซีรีส์พยายามขายเสน่ห์ของ พัคจินยอง ที่มารับบทเป็น อีอัน ในมาดขี้เล่น กวน ๆ ทะเล้น แต่ผมเองไม่ใช่สายดูหนังดูซีรีส์เอาฟิน มันก็เลยแอบขัดใจตรงนี้นิดหน่อย ฮ่าฮ่า เพราะมันมีหลายจุดที่บทสามารถพัฒนา อีอัน ให้ไปได้ไกลกว่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็ให้เจ้าตัววนกลับมาทีเล่นทีจริงเหมือนเดิม

สิ่งที่เห็นจะดีงามทีสุดของซีรีส์เรื่องนี้คงจะเป็น เสน่ห์ของแต่ละตัวละครหลัก ที่เลือกนักแสดงมาได้เหมาะกับคาแรคเตอร์จริง ๆ อย่างพ่อหนุ่ม จินยอง จาก GOT7 ถึงจะเห็นว่าบ่นแบบนี้ แต่ก็ยอมรับว่ามาดกวน ๆ ขี้เล่นของเจ้าตัวก็ทำได้ดีมีเสน่ห์จริง เพราะบทนี้จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เพราะหากแสดงได้ไม่พอดีจริง จากมาดกวน ชวนทะเล้น แบบน่ารัก มันจะกลายเป็น ความน่ารำคาญ ชวนลำไยไปแทน

หรือตัวละคร คังซองโม ที่ คิมควอน รับบทนั้น ก็แสดงได้นิ่งสมกับโจทย์ที่ตัวเองได้รับ เจ้าตัวทำได้ดีในการตีโจทย์ถึงการรู้สึก แต่ต้องไม่แสดงความรู้สึกออกไป เพราะกว่าที่คนดูจะรู้ว่าเขามีอะไรซ่อนอยู่ในใจ ก็เมื่อเรื่องราวเฉลยออกมาหมดแล้ว ทั้งยังซ่อนความรู้สึกรักได้มิดชิด ไม่ใช่แค่หลอกตัวละครภายในซีรีส์ได้แต่ยังหลอกคนดูได้อีกด้วย

ชินเยอึน ที่รับบทเป็น ยุนแจอิน ดูจะเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการที่สุดแล้ว จากเด็กมีปัญหาพ่อติดคุกโดนเพื่อนกลั่นแกล้ง สังคมไม่ต้อนรับ แม้เธอจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลายเรื่อง แต่อย่างน้อยเธอก็พยายามดิ้นรนทำในสิ่งที่ทำได้ พัฒนาตัวเองโดยที่พยายามไม่พึ่งพาคนอื่น จนชีวิตก้าวไปข้างหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวละครสุดท้ายและเป็นตัวละครหลัก ที่ผมชอบที่สุดในเรื่องก็คือ อึนจีซู ที่รับบทโดย คิมดาซม เธอแสดงเป็นคนที่คอยเป็นเบาะรองรับคนอื่นเวลาล้มได้ดีมาก เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่สาว ที่คอยแก้ปัญหาให้ทุกคน พร้อมลุยเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเวลาเพื่อน ๆ เจอปัญหา แต่ก็เป็นตัวละครหนึ่งที่อาภัพที่สุดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องความรัก

สรุปแล้ว He is Psychometric (TV Series 2019) tvN คงจะสรุปคล้ายกับเรื่อง Lawless Lawyer (2018) ที่เหมาะกับคอซีรีส์เกาหลีโดยเฉพาะ มากกว่าคอหนังซีรีส์สืบสวนโดยทั่วไป เพราะพาทของการสืบสวนนั้นน้อยมาก แถมยังโกงด้วยการใช้พลังพิเศษ ฮ่าฮ่า แต่หากพูดถึงในแง่ความน่าติดตามซีรีส์ก็ยังทำได้ดี ผูกปมความซับซ้อนได้ชวนติดตาม ว่าแต่ละตัวละครนั้นเกี่ยวข้องกันในแง่มุมไหน แล้วความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันคืออะไร

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: He is Psychometric (TV Series 2019)
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 


#SeriesReview #ซีรี่ส์รีวิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: My Favorite Girl (2020)

  My Favorite Girl (2020) เธอคนโปรด #Comedy   #Romance  Screenwriter & Director: Tamada Shinya       คาโตะ ยูสุเกะ (Watanabe Daichi) หนุ...