วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Perfect World (2018)

 Perfect World (2018) ปาฏิหาริย์ โลกใบนี้ที่มีเธอ

#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Kenji Shibayama
      สึกุมิ คาวานะ (Hana Sugisaki) สาวนักออกแบบภายใน ที่แอบได้ยินเพื่อนร่วมออฟฟิศคุยถึงปาร์ตี้ในคืนนี้ ซึ่งเธอได้ยินชื่อใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยและไม่ได้พบกันมานาน นั่นก็คือรุ่นพี่ อิทสึกิ อายูคาวะ (Takanori Iwata) รักแรกของเธอสมัยเรียนมัธยมปลาย ผู้ชายที่ทำให้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกครั้งที่ได้พบ แต่ในตอนนั้น คาวานะ ที่ไม่กล้าบอกความรู้สึกออกไป จึงได้แต่ยืนซดน้ำแห้วตามลำพัง

เธอตัดสินใจตามขบวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ในครั้งนี้ด้วย แต่ที่ คาวานะ ไม่ได้เตรียมใจมาเห็นก็คือ ภาพของรุ่นพี่อายูคาวะ ต้องนั่งวิลแชร์ เธอตกใจและสับสนกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นาน คาวานะ ก็ได้มีโอกาสพบกับรุ่นพี่อายูคาวะ อีกครั้ง เมื่อเขาทำงานเป็นสถาปนิก ส่วนเธอทำงานออกแบบภายในให้กับผู้ว่าจ้างคนเดียวกัน

แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน และแม้สภาพของรุ่นพี่ อายูคาวะ จะเป็นเช่นไร ความรู้สึกในใจของ คาวานะ มันก็ยังเอ่อล้นออกมา จนไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้อีกแล้ว เพียงแต่สภาพตอนนี้ของ อายูคาวะ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดใจให้กับใคร เพราะเขาคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงและทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนรักไม่มีความสุข
      Live-Action จากมังงะ "Perfect World" ของ Rie Aruga ที่หยิบเอาโจทย์ความรักของคนที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ มาบอกเล่าเรื่องราวอุปสรรคบททดสอบในแง่ต่าง ๆ ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้างที่ ต้องฝ่าฟันไปเพื่อให้ความรักสมหวัง

อย่างแรกเลยก็คืออีกฝ่ายจะรับได้ไหม กับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงอย่างคนทั่วไป อย่างรุ่นพี่อายูคาวะ เองการจะไปไหนมาไหน ก็ยังพบความไม่สะดวกสบาย หากจะไปทานข้าวด้วยกันร้านไหนที่ไม่มีทางลาดชัน ก็จำเป็นต้องใช้กำลังคนช่วยยกช่วยพยุง ไหนจะสายตาและคำพูดของผู้คนในสังคม ที่มองมาหรือแอบซุบซิบนินทาด้วยความไม่เข้าใจ หากผ่านข้อแรกนี้ไปได้ ด่านต่อไปเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น

แน่นอนว่าอีกฝ่ายยอมต้องรับบทหนักในการดูแลคนที่ร่างกายไม่พร้อม ความเหนื่อยความท้อจะมีไหม เพราะมันไม่ใช่แค่ทำให้กันแค่วันสองวัน แต่มันหมายถึงตลอดชีวิตหากตัดสินใจที่จะอยู่ร่วมกัน หากผู้หญิงเป็นฝ่ายที่ร่างกายไม่พร้อม ข้อจำกัดบางเรื่องอาจจะดูเล็กน้อย แต่หากเป็นผู้ชายเหมือนกรณีของ อายูคาวะ ล่ะ เมื่อเขาไม่สามารถดูแลปกป้องคนรักได้ มันก็ย่อมเกิดความรู้สึกผิดน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากการมองดู

ทั้งยังเรื่องของครอบครัวที่ใครก็คงหวังให้ ลูกหลานตัวเองได้อยู่กับคนที่สามารถดูแลเขาได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ครอบครัวเข้าใจและยอมรับในความรักของคนสองคน

ครึ่งแรกของหนังถ่ายทอดออกมาอย่างโลกสวย แลดูทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบลื่น แต่หลังจากผ่านพ้นครึ่งแรกมาแล้ว หนังก็ใส่บททดสอบความเข้มแข็งในจิตใจให้กับ คาวานะ ว่าเธอจะสามารถผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ไปได้มั้ย ไม่ว่าจะอาการเจ็บป่วยของคนรัก ความหนักหน่วงในการดูแลเขา

พร้อมกับการที่ต้องทำงานของตัวเองไปด้วย เรื่องของครอบครัวที่จะรับได้ไหมหากลูกสาวจะรักกับคนพิการ ครึ่งแรกของหนังจึงเหมือนทำให้คนดูตายใจ ว่าหนังจะออกมาในโทนโลกสวย สมกับชื่อเรื่อง Perfect World ของหนัง ก่อนที่จะมาขับเน้นอารมณ์ชวนหน่วงในครึ่งหลัง

ที่ใช้คำว่าชวนหน่วงก็เพราะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ครึ่งแรกของหนัง ส่วนตัวผมเองคิดว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ในการเชื่อมโยงสองตัวละครเอกกับความรู้สึกของคนดู ให้อินไปกับความรักของพวกเขาได้ คือมันดูเพลินนะ แต่มันลงล็อกแล้วก็ง่ายไปเสียหมด พอหนังหยิบจับความสัมพันธ์ของ คาวานะและอายูคาวะ มาใช้ในครึ่งหลัง มันเลยไม่ค่อยได้ผล เมื่อยังไงซะคนดูอย่างเราก็ต้องเอาใจช่วยคู่พระนาง

แต่พอไม่อินกับความรักของพวกเขาเท่าไหร่ มันจึงได้แค่หน่วงความรู้สึกแต่ไม่ถึงกับเศร้า สะเทือนอารมณ์ เมื่อเห็นพวกเขาต้องรับมือกับปัญหาไปด้วยกัน ในส่วนของ คาวานะ นั้นถือว่าปูความรู้สึกตัวละครนี้มาพอใช้ได้แล้ว แต่ฝั่ง อายูคาวะ นี่แหละที่ทำให้ไม่รู้สึกอิน เมื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปรัก คาวานะ เอาตอนไหน เพราะก็เห็นอยู่ว่าในใจเขาก็มีคนอื่นมาตลอด

คำว่า "Perfect World" จากชื่อหนังและมังงะ คงบอกได้ว่า ไม่ใช่สถานที่แต่เป็นผู้คน ฮ่าฮ่า อันนี้ไม่ได้หยิบหนังอย่าง ธอร์ มาแซว แม้จะยืมคำนี้มาก็เถอะ เพราะการที่จะทำให้โลกความเป็นจริงสมบูรณ์แบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แค่หากเปรียบชีวิตของคนเป็นเหมือนกับโลกใบหนึ่ง ลำพังคนเพียงคนเดียวก็คงเปรียบเสมือนโลกเพียงครึ่งใบ ที่ต้องหาใครอีกคนมาเติมอีกครึ่ง เพื่อให้โลกใบนี้กลายเป็น "Perfect World" ที่สมบูรณ์แบบ

สรุปแล้ว Perfect World (2018) เป็นหนังโรแมนติก ดราม่า ที่เรียกว่าไม่แย่แต่ก็ทำได้เพียงเกือบดี เมื่อฟีลหนังยังดูกั๊กไปไม่สุด จะโลกสวยก็ไม่เต็มที่ จะสะท้อนความจริงของทัศนะคติผู้คนก็ยังไม่จัดเต็ม ขอจัดอยู่ในกลุ่มดูเพลิน ไม่น่าผิดหวัง เพียงแต่ไม่ฟินมาก ไม่ดราม่าจัดหนัก จนปาดน้ำตา เอาเป็นว่าไม่เสียดายเวลาดูก็แล้วกัน เนื้อหาของหนังสื่อสารตรงประเด็นดี ส่วนตัวผมเองติดแค่ที่ความสัมพันธ์คู่พระนางที่ไม่ชวนอินแค่นั้น

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: Perfect World (2018)
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 


#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Again My Life (2022)

 Again My Life (2022) #Law #Drama #Fantasy  Director:   Han Cheol Soo ,  Kim Yong Min Screenwriter:  Kim Yool, J       คิมฮีอู (Lee Joon Gi)...