วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: I Can Speak (2017)

 I Can Speak (2017)

#ปีนรั้วรีวิว #Comedy #Drama Director: Hyun-seok Kim
      พัคมินแจ (Je-hoon Lee) เจ้าหน้าที่ระดับ 9 คนใหม่ของสำนักงานเขตกรุงโซล เขาเป็นคนฉลาดและเจ้าระเบียบ แต่การย้ายมาทำงานในสำนักงานเขตแห่งใหม่นี้ ความเจ้าระเบียบของเขายังต้องยอมยกธงขาวให้กับ ยายนาอกบุน (Moon-hee Na) คุณยายเจ้าของร้านเย็บผ้าในตลาด บุคคลในตำนานเป็นที่กล่าวขานของคนในละแวกนั้น รวมถึงสำนักงานเขต ในเรื่องของการเป็นนักร้องไมค์ทองคำ ร้องเรียนทุกเรื่องที่เธอเห็นว่ามันไม่ถูกกฎระเบียบ ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบหลายพันคำร้อง

พัคมินแจ จึงกลายเป็นเหยื่อรายใหม่ของเจ้าหน้าที่คนอื่น ที่จะโยนให้เขาเป็นคนรับเรื่องร้องเรียน การปรับปรุงพื้นที่ตึกและตลาดที่ ยายนาอกบุน เปิดกิจการอยู่ไปทำแทน แต่คนฉลาดอย่าง มินแจ นั้นหาทางออกให้กับตัวเองและสำนักงานเอาไว้แล้ว แม้เรื่องราวการร้องเรียนของ ยายนาอกบุน จะถูกแก้ไขไปได้เปราะหนึ่ง แต่ พุคมินแจ กลับต้องเจอกับปัญหาใหม่ของ ยายนาอกบุน นั่นก็คือ เธอขอร้องให้เขาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับเธอ เพราะเธอจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารสิ่งสำคัญออกไป

***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***
***


      ในที่แรกผมก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันนะว่า ควรจะเปิดเผยเนื้อหาหลักครึ่งหลังของหนังไหม คิดไปคิดมาเนื้อหามันไม่เชิงหักมุมหรือว่าซ่อนเป็นความลับอะไร เพียงแต่มันอาจมีผลกับการพลิกทัศนคติต่อตัวละครเอก อย่าง ยายนาอกบุน ไปจากภาพที่เราเห็นในตอนแรก ฉะนั้นหากใครไม่อยากรู้เบื้องหลังความเป็นไปของตัวละครนี้ก่อนดู ก็ขอให้ข้ามส่วนนี้แล้วไปดูหนังก่อนก็แล้วกันนะครับ

ประเด็นหลักของหนังผมแบ่งได้เป็นสามส่วน ประเด็นแรกคือ การที่ ยายนาอกบุน กลายเป็นนักร้องไมค์ทองคำ เที่ยวร้องเรียนเรื่องต่าง ๆ ในชุมชนนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะแกเหงา ด้วยความที่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน สามีก็ไม่มี ลูกหลานก็เลยไม่มีกับเขา เพื่อนที่มีกับเขาคนเดียวก็เพียงยายซองชิม (son sook) คุณยายหัวสมัยใหม่ที่สปีคภาษาอังกฤษปร๋อเลย

แต่ทั้งสองคนก็นานทีปีหนถึงได้เจอกันที สิ่งที่พอจะทำให้คนสันโดษอย่างยายนาอกบุน ทำในยามว่างก็คือการคอยจับผิดเรื่องของคนอื่น คนในชุมชนตลาดและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต ถึงแม้จะรู้จักมักคุ้นยายนาอกบุนเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็เข็ดขยาดที่จะเข้าใกล้ยายเหลือเกิน

ซึ่งการที่ ยายนาอกบุน เป็นแบบที่ทุกคนเห็น มันมีที่มาและเป็นประเด็นหลักที่สอง (เตือนอีกครั้งใคร!!!ไม่อยากทราบให้ข้ามไปได้เลยครับ) เพราะความจริงของยายที่ปกปิดคนอื่นมาตลอดก็คือ ยายนาอกบุนและยายซองชิม ต่างเป็นเหยื่อที่ถูกเรียกว่า หญิงบำเรอกาม (

Comfort women

ในค่ายทหารญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ที่มีเด็กหญิงชาวเกาหลี ชาวจีน ถูกกวาดต้อนไปเป็นเฉลยในสงคราม และถูกใช้เป็นเครื่องสนองความใคร่ของเหล่าทหาร นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ยายนาอกบุนไม่สามารถมีครอบครัวได้ เพราะบาดแผลทั้งทางกายและทางใจ มันฝังลึกจนผวาทุกครั้งที่มีคนมาสัมผัสตัว แต่หนังเรื่องนี้เองไม่ได้ลงรายละเอียดเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต หากใครสนใจอยากดูหนังที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ ผมแนะนำให้ดูเรื่อง Spirits' homecoming (2015) กับ Snowy Road (2017) หนังสองเรื่องที่เล่าเหตุการณ์ในอดีตเป็นหลัก กับ Spirits' homecoming (2015) จะเล่าเรื่องราวของการเผชิญความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิด

ส่วน Snowy Road (2017) จะสะท้อนเรื่องราวชะตากรรมของคนในอดีต ความโชคร้ายการขาดโอกาส ทั้งช่วยย้ำเตือนว่าเด็กที่เกิดในโลกยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสงครามนั้นโชคดีแค่ไหน ฉะนั้นพยายามอย่าทำลายโอกาสและชีวิตของตัวเอง

ประเด็นที่สามก็คือ การจะสื่อสารบอกเล่าเรื่องราวนั้น ความรู้ความเข้าใจการใช้ภาษาสากลสำคัญอย่างมาก เหมือนกับเหล่าผู้หญิงที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย อยากจะต่อสู้ทวงความยุติธรรมและคำขอโทษให้กับตัวเอง หากไม่สามารถสื่อสารได้ด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าแต่ละคำพูดที่ออกจากปากไปนั้น จะถูกปิดเบือนไปมากแค่ไหน เมื่อสาระสำคัญถูกแปลผ่านคนอื่น ที่ไม่รู้ว่ามีทัศนะคติแบบไหน มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงหรือเปล่า

ตัวละคร พัคมินแจและยองแจน้องชายของเขา เสมือนถูกใช้เป็นตัวแทนลูกหลานชาวเกาหลี ที่หนังคงพยายามบอกว่าให้มองผู้สูงอายุด้วยความเข้าอกเข้าใจ แม้พวกเขาอาจไม่ใช่ญาติแท้ ๆ แต่ในสังคมที่ผู้สูงอายุต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาอาจต้องการเพียงแค่เพื่อนพูดคุย มีกิจกรรมให้ทำยามว่างให้รู้ว่ายังมีคุณค่าในชีวิตอยู่

เป็นหนังที่คาดเดาจุดประสงค์การสร้างหนังในทำนองนี้ ออกมาในระยะหลังได้ไม่ยาก ไล่เรียงจาก Spirits' homecoming (2015) , Snowy Road (2017) , I Can Speak (2017) แทบจะเรียกได้ว่าปีเว้นปี นั่นก็คงเพราะพวกเขาไม่เคยได้รับคำขอโทษอย่างที่ต้องการ เชื่อว่าหนังที่เกี่ยวข้องกับ หญิงบำเรอกาม ในช่วงสงครามโลกคงจะมีทำออกมาอีกเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเขาจะได้สิ่งที่ต้องการนั่นแหละ

สรุปแล้ว I Can Speak (2017) เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งเลยนะ สามารถผูกโยงประเด็นหลากหลาย เข้าหากับได้แนบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน บทจะตลกก็ได้หัวเราะ บทจะดึงเข้าดราม่าเสียน้ำตาก็ทำให้เราสะเทือนใจได้ เรียกว่าครบเครื่องทั้งสาระและความบันเทิงจริง ๆ 

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: I Can Speak (2017)
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 


#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Again My Life (2022)

 Again My Life (2022) #Law #Drama #Fantasy  Director:   Han Cheol Soo ,  Kim Yong Min Screenwriter:  Kim Yool, J       คิมฮีอู (Lee Joon Gi)...