วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

Review: Lawless Lawyer (2018)

 Lawless Lawyer (2018) tvN 16 EP

#ปีนรั้วรีวิว #Drama
      บงซังพิล (Joon-Gi Lee) อดีตนักเลงหัวไม้ที่เบนเข็มทิศชีวิตมาเป็นทนายความ แม้ว่าชีวิตการเป็นทนายความของเขากำลังประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่ บงซังพิล ไม่สามารถล้มเลิกได้ก็คือ เวลาที่จะได้แก้แค้นให้กับแม่ ที่ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาของเขา เพียงแต่ บงซัลพิล เลือกที่จะใช้วิธีดำเนินการตามกฎหมาย(แบบนอกกฎหมาย)เพื่อนำคนผิดมาลงโทษ เขาจึงเดินทางมายัง กีซอง บ้านเกิดและเลือกสถานที่เดิมที่เคยอาศัยร่วมกับแม่ เพื่อเปิดสำนักงานกฎหมายนอกกฎหมายขึ้นมา

คนสำคัญที่เขาตัดสินใจเลือกร่วมงานด้วยก็คือ ฮาแจอี (Ye-ji Seo) ทนายความสาวที่เพิ่งถูกพักงาน เนื่องจากไปต่อยหน้าผู้พิพากษาเข้า แต่เหตุผลของการตัดสินใจไม่ใช่เพราะเธอเป็นขาลุยเหมือนกัน แต่เพราะอดีตของ ฮาแจอี เองก็มีความเชื่อมโยง กับการเสียชีวิตของแม่เขาเช่นกัน ทั้งยังมีปริศนาการหายสาบสูญไปของ โนฮยอนจู (Baek Joo-Hee) แม่ของทนาย ฮาแจอี อีกด้วย เพียงแต่การที่ บงซังพิล จะเกลี้ยกล่อมให้ ฮาแจอี เชื่อใจและร่วมมือกับเขาไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อตัวการของเรื่องทั้งหมดคือ ผู้พิพากษา ชามุนซุก (Hye-yeong Lee) ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงแห่งเมืองกีซอง คนที่ทนาย ฮาแจอี เคารพเป็นอย่างมาก
      ซีรีส์กฎหมายที่ออกจะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายเท่าไหร่ แม้จะมีฉากต่อสู้ทางกฎหมายกันในชั้นศาล แต่ผมเองมองว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์ดราม่า ที่ตัวละครเอกทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเสียมากกว่า ที่กล่าวแบบนี้ก็เพราะลักษณะการดำเนินเรื่อง เน้นไปที่ปมในอดีตของตัวละครเอก การเชือดเฉือนอารมณ์ ชิงไหวพริบ ความได้เปรียบกันนอกศาล นอกข้อกฎหมาย มากกว่าการใช้ข้อมูลหลักฐาน จากการสืบสวนหรือข้อกฎหมายมาต่อสู้หักล้างกัน เอาจริงมันก็ตามพล็อตนั่นแหละ ที่เน้นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือให้กับสิ่งนอกกฎหมาย

เหมือนกับผู้พิพากษาชามุนซูก ที่ตั้งตนเป็นใหญ่ ผู้นำของ 7 ฝ่ายที่คอยทำหน้าที่ชี้นำเมืองกีซอง ตักตวงผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง โดยที่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบพวกเขาได้ เมื่อใน 7 ฝ่ายนั้นมีทั้ง ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ นักเลง เจ้าของสื่อ นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งตัวผมเองรู้สึกถูกใจในส่วนนี้ของซีรีส์มาก ที่กล้าเลือกหยิบเอากลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ถือกฎหมายในมือมาเป็นตัวร้ายหลัก

เมื่อแทบไม่มีทางจะเราจะได้เห็นคนกลุ่มนี้เป็นตัวร้าย ในหนังหรือซีรีส์ของบางประเทศแถวนี้แน่นอน ยอมรับเลยว่าจุดนี้เซอร์วิสแฟนตาซีผมเอามาก ๆ เพราะอยากรู้ว่าคนธรรมดาจะสามารถเอาชนะกลุ่มคนพวกนี้ได้อย่างไร เมื่ออำนาจล้นมือพวกเขาขนาดนั้น

ส่วนฝ่ายตัวละครเอกอย่าง บงซังพิลกับฮาแจอี นั้น ในทีแรกสองตัวละครนี้ค่อนข้างขัดแย้งกันพอสมควร เพราะนอกจาก บงซัลพิล จะกล่าวหาคนที่เธอเคารพแล้ว เธอยังมองว่า บงซังพิล นั้นไม่ใช่ทนายความที่ดีหรืออาจไม่ใช่คนดีด้วยซ้ำ ที่เธอจำใจทำงานร่วมกันกับเขาก็เพราะความจำเป็น

แต่หลังจากที่ความจริงในอดีตเริ่มกระจ่างชัดขึ้น สองตัวละครนี้ก็ปรับความเข้าใจกันได้อย่างรวดเร็ว จนช่วงแรกรู้สึกไม่อินกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เหมือนกัน สำหรับ บงซังพิล นั้นจากการปูพื้นเบื้องหลังตัวละครนี้ พอเข้าใจได้อยู่แล้วที่จะตกหลุมรัก แต่กับ ฮาแจอี ผมคิดว่าคงเพราะบรรยากาศพาไปมากกว่าในทีแรก ฮ่าฮ่า

นอกจากเนื้อหาการต่อสู้ของสองฝ่ายแล้ว เนื้อหาที่สนุกไม่แพ้กันก็คือ การใส่หน้ากากเข้าหากันของกลุ่มผู้นำ 7 ฝ่าย ที่ต่างคนก็ต่างคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเอง และพร้อมจะแทงข้างหลังอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะผู้พิพากษาชามุนซุก ที่เรียกได้ว่าแม้ภายนอกจะดูเป็นมิตร เอ็นดูฮาแจอีมากแค่ไหน แต่หากถามว่าใครที่เลวร้าย เลือดเย็นที่สุดในเรื่องคงไม่พ้นตัวละครนี้

ซีรีส์ไม่ถึงกับเรียกได้ว่าตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรม หรืออำนาจในการตัดสินชีวิตผู้คน แต่จากเนื้อหาของซีรีส์แล้วมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงประเด็นนี้ เมื่อเราจะรู้ได้อย่างไรว่ากระบวนการยุติธรรมนั้น มันยุติธรรมอย่างแท้จริงหรือเปล่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีการตั้งธงในการตัดสินโทษหรือละเว้น

เพราะต่อให้กฎหมายเขียนออกมาอย่างเที่ยงธรรมแค่ไหน แต่มนุษย์ที่มี รัก โลภ โกรธ หลง เป็นผู้ใช้เครื่องมือนั้น อย่างที่ได้เห็นในซีรีส์เรื่องนี้ว่า เมื่อคนถือกฎหมายมีอำนาจมันเกิดช่องโหว่มากมาย ที่จะใช้อำนาจนั้นเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง นำมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง และกำจัดใครก็ตามที่ขวางเส้นทางสู่อำนาจ

กับเรื่องนี้ส่วนตัวผมเองออกไปทางเฉย ๆ ไม่ชอบแต่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะในภาพรวมถือว่ายังตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเหมือนเป็นซีรี่ส์ดราม่า คอมเมดี้ มากกว่าจะเป็นซีรี่ส์สืบสวน ต่อสู้ทางกฎหมาย กลุ่มคนที่น่าจะถูกใจเรื่องนี้ก็คงเป็นคอซีรีส์เกาหลีตัวจริง เสียงจริง ส่วนผมที่เป็นขาจรก็เลยไม่ฟินเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาค่อนข้างคืบหน้าช้า เกลี่ยน้ำหนักในการเล่าเรื่องราวตัวละครหลายตัว ซึ่งมันดีในแง่ของรายละเอียดมีที่มาที่ไป เหตุผลของแต่ละการกระทำ เลยไม่มีความรำคาญตัวละครเพราะแต่ละการกระทำ มันมีเหตุผลรองรับให้พอเข้าใจได้ แต่ผมเองที่ชอบแนว สืบสวน เข้ม ๆ ดำเนินเรื่องเร็ว เลยออกแนวสนุกไปด้วยได้แต่ก็ไม่ถึงกับประทับใจเท่านั้นเอง

     สรุปแล้ว Lawless Lawyer (2018) เป็นซีรีส์กฎหมายที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับกฎหมายเท่าไหร่ ตามชื่อซีรีส์นั่นแหละ เนื้อหาให้น้ำหนักกับความดราม่า ตลก ตามด้วยแอคชั่น ตัวละครแบ่งแยกขาวคำชัดเจนไม่มีอารมณ์หน่วง มีความโรแมนติกชวนฟินตามฉบับซีรีส์เกาหลีเซอร์วิสเป็นระยะ คาแรคเตอร์ตัวละครแข็งแรงมีเสน่ห์ทั้งฝ่ายตัวละครเอกและตัวร้าย คอซีรีส์พันธ์แท้น่าจะสนุกไปด้วยได้ไม่ยาก 

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: Lawless Lawyer (2018)
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dali & the Cocky Prince (2021)

 Dali & the Cocky Prince (2021) Director:  Lee Jung-Sub Writer:  Son Eun-Hye, Park Se-Eun       จินมูฮัก (Kim Min-Jae) ทายาทเจ้าของธุรกิ...