Prophecy (2015)

Prophecy (2015) aka Yokokuhan ฆาต(พยา)กรณ์
#ปีนรั้วรีวิว #Mystery #Drama 

      หลายๆคนเวลาทำงานก็คงอยากจะประสบความสำเร็จก้าวหน้าด้วยกันทั้งนั้น หากอยู่ในช่วงทดลองงานก็คงอยากผ่านโปร หากเป็นพนักงานประจำก็คงอยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้เงินเดือนเพิ่ม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจจะจากตัวเราเอง เพื่อนร่วมงาน กระทั่งเจ้านาย ที่ทำให้เราไม่สามารถขยับไปจากจุดเดิมที่เราอยู่ได้ แม้เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเต็มร้อยกับมันแล้วก็ตาม แถมเราต้องแลกการยืนย่ำอยู่ที่เดิมด้วยการสูญเสียอะไรบางอย่างไป เราจะทำยังไงต่อ….จะสู้ต่อ ยอมแพ้ หรือเข้าร่วมกับคนพวกนั้น เป็นเหมือนคนที่มองเรา….เหมือนเราไม่ใช่มนุษย์เหมือนกันกับพวกเขา

      ชินบุนชิ (หนังสือพิมพ์) ยูสเชอร์เนมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตปริศนาที่ใช้หนังสือพิมพ์มาทำเป็นหน้ากากปิดบังใบหน้า ในวันหนึ่งเขาก็ออกมาไลฟ์สดพยาการณ์สิ่งที่จะเกิดภายใน 24 ชั่วโมงของวันถัดมา ว่ามันคือการที่บริษัทผลิตอาหาร อาจิซังฟู้ดส์ ไม่รับผิดชอบต่อความผิดพลาด แต่กลับออกมาแถลงข่าวกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของผู้บริโภคเสียเอง ฉะนั้นความมอดไหม้คือโทษของความผิดในครั้งนี้

      เมื่อคำแถลงการณ์ฉบับที่สามของ ชินบุนชิ ปรากฏออกมาและเกิดเหตุการณ์จริงตามที่แถลงการณ์เอาไว้ มันก็ทำให้เกิดกระแสในโซเชี่ยลไปทั่วประเทศ มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่างจากพวกเขาที่ทำตัวเองเป็นศาลเตี้ย แต่ไม่ว่ากระแสสังคมจะเป็นยังไง  เมื่อพวกเขาละเมิดกฎหมายย่อมต้องถูกตามล่าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อมีคำพยากรณ์ตามออกมาเรื่อยๆมันก็ยังทำให้ทางการรู้ว่า ชินบุนชิ ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง  แต่พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีแนวความคิดเดียวกัน และจะลงโทษคนที่ทำผิดและดูหมิ่นคนอื่นที่อ่อนแอกว่าให้ได้บทเรียนอย่างสาสม

****เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน****
**
* 
      เป็นหนังที่พอดูจบแล้วอยากจะบอกว่านี่มัน “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” ชัดๆ 555 เพียงแต่ขอไม่สปอยแล้วกันว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น คือด้านหนึ่งหนังเองพยายามที่จะบอกเล่าเรื่องราวของคนที่น่าจะเรียกได้ว่า เป็นคนอ่อนต่อโลกหรือจะบอกว่า  เป็นคนที่อาจจะทนรับความจริงจากการแข่งขันกันทางสังคมไม่ได้

      อย่างที่โปรยไว้ด้านบนว่าเมื่อเราทำงานแล้วเต็มที่กับมัน แต่ผลที่ออกมาอาจจะไม่เป็นอย่างหวังเราก้าวหน้าได้ไม่เท่าคนที่ขยันเอาใจนาย เหมือนตัวละคร เกตส์ (Tôma Ikuta) ที่เขาก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานมานานถึงสามปี แต่สุดท้ายเขาก็เป็นได้แค่พนักงานชั่วคราว จริงอยู่ที่ส่วนหนึ่งมันก็เป็นที่การด้อยความสามารถของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อร่วมงานหรือกระทั่งเจ้านายก็พยายามกดเขาให้ต่ำลงเพื่อเก็บเอาไว้ใช้งาน กระทั่งตัวเองป่วยจากการทำงานจนต้องลาหยุดรักษาตัว  บริษัทก็ยังเอามาเป็นสาเหตุบีบให้เขาต้องออกจากงาน

      ในตอนแรกเราคิดว่าความกดดันจากสงคมรอบด้าน มันก็เลยผลักคนกลุ่มหนึ่งให้ตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติและให้บทเรียนกับสังคม แต่ว่าเมื่อหนังถึงตอนจบแล้วเลือกที่จะเดินในเส้นทางแบบนั้น สิ่งต่างๆที่พวกเขาทำมามันเลยกลับกลายเป็นว่า  การต่อสู้หรือปฏิวัติมันเป็นเพียงแค่การเรียกร้องความสนใจ ด้านหนึ่งก็เพื่อผู้คนในสังคมที่เป็นเหมือนพวกเขา แต่ความต้องการของพวกเขาจริงๆแล้วคือจุดประสงค์อื่น ที่หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยซะมากกว่า เพราะในความคิดของ เกตส์ เขาคงตัดสินใจยอมแพ้อย่างราบคาบไปแล้ว เพียงแต่ว่าการที่เลือกกระทำสิ่งต่างๆลงไปในแบบนั้น คงเพียงอยากส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง  ให้สังคมรับรู้และเข้าใจหัวอกคนในแบบเดียวกับพวกเขามากขึ้นเท่านั้นเอง

      เอาจริงความคิดของตัวผมเองที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็เสียงแตกเหมือนกันนะ ใจนึงตัวละครตำรวจหญิง โยชิโนะ (Erika Toda) เองก็เคยเจอเรื่องราวแย่ๆมาไม่ต่างจาก เกตส์ เพียงแต่เธอเองก็ต่อสู้จนผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้ เพราะเธอคิดเพียงแต่ว่าทำมันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไรไม่ต้องไปเสียใจกับมัน แต่ในมุมของตัวละคร เกตส์ มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนสู้แล้วจะชนะ คนที่แพ้แล้วถอดใจมันผิดมากมายขนาดนั้นเลยหรอ เอาเข้าจริงๆแล้วไม่ว่าเราจะเลือกแบบไหน มันก็มีแค่เราต้องต้องรับผลของการเลือกเส้นทางนั้น ฉะนั้นแล้วเราก็ต้องชั่งน้ำหนักในใจให้ดีว่า….เราจะอยู่กับทางเลือกที่เราตัดสินใจได้จริงๆหรือเปล่า

      สรุปแล้ว Prophecy (2015) เป็นหนังดราม่า สืบสวน ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่อยู่รั้งท้ายของสังคม ที่พวกเขาคงอยากส่งเสียงตะโกนบอกว่าตัวเองก็มีตัวตน และมีความเป็นคนไม่ต่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้มีความสามารถไม่เก่งเท่าใคร แต่พวกเขาก็เต็มที่กับมันแล้วจริงๆ

#MovieReview #รีวิวหนัง