วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

The Chronicle of evil (2015)

The Chronicle of evil (2015) ฆาตกรซ้อนเงา
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller

      ชเวชางซิก (Hyeon-ju Sonหัวหน้าทีมสืบสวนที่กำลังประสบความสำเร็จและอยู่บนเส้นทางที่ดีในหน้าที่การงานของตัวเอง เมื่อหัวหน้าของเขากำลังผลักดันให้ ชางซิก ได้เข้าไปทำงานในกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ในคืนงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตัวเอง ขณะที่เดินทางกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่ ชางซิก รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติเมื่อรถคันนี้ขับออกนอกเส้นทาง  และคนขับรถคันนั้นก็พยายามที่จะฆ่าเขา 

      แต่ ชางซิก ก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ส่วนคนที่ตายกลับเป็นคนร้ายแทน หลังจากที่ตั้งสติได้และกำลังจะโทรแจ้งความ  กลับมีสายเข้ามาจากเจ้านายของตัวเองและบอกกับเขาว่า “ในช่วงที่กำลังพิจารณาเลื่อนตำแหน่งอยู่นี้พยายามอยู่ให้ห่างจากปัญหาเข้าไว้” พอได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวกลับเปลี่ยนใจและเลือกที่จะกลบเกลื่อนหลักฐานที่จะเชื่อมโยงมาที่ตัวเองทั้งหมด แล้วก็กลับไปบ้านทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
      ในวันรุ่นขึ้น ชางซิก ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องว่าตอนนี้มีคดีใหม่เข้ามา เมื่อมีคนนำศพคนตายขึ้นเครนไปแขวนไว้บนตึกฝั่งตรงข้ามสำนักงานตำรวจ ทันทีที่ ชางซิก ได้เห็นศพเขาก็รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังเล่นตลกกับเขาแน่ๆ เมื่อร่างที่อยู่ตรงหน้าคือคนร้ายที่พยายามฆ่าเขาเมื่อคืนและตัวเองก็เป็นคนฆ่าตายเองกับมือ แต่ศพถูกนำมาแขวนอยู่ที่นี่ได้ยังไง  ซึ่งมันเหมือนเป็นการเย้ยหยันตำรวจ และเหมือนต้องการส่งสัญญาณมาถึงตัว ชเวชางซิก ว่า….รู้นะว่าทำอะไรไว้

****เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน****
**
*


      เป็นหนังที่ก่อนจะดูก็ไม่ถึงกับคาดหวังไว้มากนะ เพราะหนังระทึกขวัญเกาหลีเองก็ทำออกมาจนเกร่อแล้วมุกซ้ำๆกันก็เยอะ แต่พอได้ดูแล้วก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานหนังทริลเลอร์เกาหลี ถึงแม้หนังเองจะบอกใบ้ปมตัวละครมาบ้าง แต่ก็ถือว่าหนังยังซ่อนความลับของตัวเองได้ดี เพราะส่วนที่หนังบอกใบ้หากเราไม่จับสังเกตดีๆ  มันแทบจะไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงเข้าหากันได้เลย และถึงแม้เราเองจะสงสัยตัวละครบางตัวว่ามันน่าจะมีอะไรเหมือนกันน้า….คนคนนี้ แต่มันก็ไม่มีข้อมูลอะไรให้สงสัยไปมากกว่านั้น

      เอาจริงๆคนดูอย่างเรามันก็มีส่วนให้สงสัยเหมือนกันนะกับเหตุผลของ ชเวชางซิก ที่ตัดสินใจปกปิดเรื่องราวที่ตัวเองพลั้งมือฆ่าคนร้ายไป ถึงแม้มันอาจจะมีผลกระทบกับการเลื่อนตำแหน่งอยู่บ้าง แต่มันก็ยังออกมาได้ทั้งผลดีและผลเสียทั้งสองหน้า แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่เสี่ยงกับมัน

      ซึ่งการที่เขาเลือกเดินหนทางนี้…แล้วสิ่งที่เขาลงไปมันดันมีคนรู้ แถมนอกจากรู้เรื่องคนคนนี้แหละที่สร้างสถานการณ์ต่างๆให้ ชางซิก ต้องเจอกับปัญหา ต้องคอยตามล้างตามเช็ดปกปิดหลักฐานต่างๆที่จะสาวมาถึงตัวเอง

      หนังเองค่อยๆเปิดเผยปมเรื่องราวต่างๆออกมาทีละน้อยโดยการตัดสลับเล่าเรื่องราวในอดีต ถึงความลับของ ชางซิก รวมถึงคนอื่นที่จริงๆแล้วมีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด เพียงแต่ว่า ชางซิก อาจจะพยายามลืมมันไปแล้ว แต่กลับมีบางคนยังจำมันได้ด

      รวมทั้งคนร้ายตัวจริงยังพยายามปักหมุดต้องย้ำสิ่งต่างๆว่าจริงแล้ว ความขาวสะอาดในการสืบสวนคดีบางครั้งมันไม่มีจริงๆหรอก เมื่อเจ้าหน้าที่ถูกสังคมกดดันมากๆเข้า พวกเขาก็พร้อมที่จะสละเกียรติ์ของตัวเองแล้วลากผู้บริสุทธิ์มาเป็นแพะรับบาปได้เสมอ เฉกเช่นกับสิ่งที่ตัวเองได้เจอมา

      แต่พอถึงบทสรุปของหนังแล้ว เอาจริงอยากจะถามคนร้ายว่าเขาเองมีสิทธิ์ที่จะแค้นจริงๆหรือ ถึงแม้เราจะเข้าใจได้ว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานแบบตรงไปตรงมาก็จริง แต่มันก็มีเรื่องราวบางอย่างให้ความรู้สึกเราแตกเป็นสองฝั่งด้วยเหมือนกัน เพราะฝ่าย ชางซิก มันการเป็นการทำผิดที่เราพอจะเข้าใจเหตุผลถึงความจำเป็นได้ แต่ด้านนึงเราก็เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฆาตกรตัวจริงถึงได้มีความแค้นในใจ

      แต่สิ่งที่หนังไปได้ไกลกว่าแค่ปมการล้างแค้นและหักมุมในแบบหนังระทึกขวัญทั่วๆไป คือการที่ทำให้มันซับซ้อนขึ้นอีกชั้นนึง  เมื่อการล้างแค้นครั้งนี้เปรียบเสมือนการยืมมือคนอื่นให้ทำความผิดแทน ส่วนตัวเองมีหน้าทีคุมเกมและคอยสังเกตความเป็นไปของ ชางซิก แต่สิ่งที่อาจจะดูดรอปสำหรับหนังเรื่องนี้ในความคิดคงจะเป็นช่วงไคล์แม๊กซ์  เฉลยปมแรกของหนังว่าจริงๆแล้วใครคือคนร้าย ที่มันดูจะขาดพลังไปซักหน่อย แต่พอมาถึงเรื่องราวในอดีตปมที่สองของหนังอันนี้ถือว่าทำได้ดี มันสัมผัสกับความรู้สึกได้เลยว่าเราลังเล…ถึงความจริงที่ว่าฝ่ายไหนที่ผิดมากน้อยกว่ากัน แล้วเราเลือกยืนอยู่ข้างที่ถูกต้องมาตลอดทั้งเรื่องหรือเปล่า

      พยายามเขียนแบบหนีสปอยแล้วนะแต่ก็เปิดเผยเนื้อหาไปพอสมควร สรุปแล้ว The Chronicle of evil (2015) เป็นหนัง สืบสวน ระทึกขวัญ ที่ดูสนุกเรื่องนึงเลยนะ ปมต่างๆของหนังก็เก็บซ่อนความลับได้ดีแม้จะแอบบอกเราบ้างระหว่างทางก็เถอะ ส่วนที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นจุดหักมุมที่ซ้อนกัน…จะเรียกว่าหักมุมก็ไม่เชิงนักน่าจะเรียกว่าการเปิดเผยความจริงที่มันชวน…ช็อค…ซะมากกว่า

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Forever and Ever (2021)

Forever and Ever (2021) ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม ภาคปัจจุบัน #Romance   #Drama  Director: Shen Yang, Ben Fang/ Screenwriter: Mo Bao Fei Bao    ...