The Chase (2017)

The Chase (2017) ล่าฆาตกรวิปริต
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller

      ชิมด็อกซู (Yun-shik Baek) ตาลุงเจ้าของอพาทเมนต์ขี้หงุดหงิด ขี้วีน  ตามทวงค่าเช่าผู้คนที่มาอาศัยเป็นประจำ จนเป็นที่โจทย์ขานและเอือมระอาของผู้คนในเมืองเล็กๆแห่งนั้น แต่ว่าเมืองเล็กๆที่เคยเงียบสงบมานาน  ตอนนี้ชักเริ่มมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อมีชายสูงอายุจมน้ำตายที่ใต้สะพาน รวมทั้งที่อพาทเมนต์แห่งหนึ่งของตาลุง ด็อกซู อีกด้วย  ทำให้ ลุงชเว (Jong-hak Son) หนึ่งในผู้เช่าคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นมานาน  เล่าความลับบางอย่างในอดีตให้กับ ตาลุงด็อกซู ฟังว่า 

 
      เมื่อ 30 ปีที่แล้วขณะที่ตัวเองเป็นนักสืบชเวในวัยหนุ่ม เมืองแห่งนี้เคยมีคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง  ซึ่งคนร้ายลงมือฆ่าผู้สูงอายุจนตายหลายราย แล้วอำพรางการฆาตกรรมว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่การฆ่าคนแก่เหล่านั้นไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง  แต่เป็นเพียงการอุ่นเครื่อง เมื่อความต้องการที่แท้จริงของฆาตกรก็คือ เด็กสาวผมยาวสลวย ที่คนร้ายจับตัวไปเพื่อทำอะไรบางอย่างก่อนที่จะฆ่าทิ้งนั่นเอง

      การเล่าให้ตาลุง ด็อกซู ฟังเหมือนมันจะไร้ความหมายเมื่อเขาสนใจเพียงแค่ค่าเช่าห้องเท่านั้น แต่ว่าเรื่องเล่าของลุงชเว เหมือนมันชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วน่ะซิ เมื่อเช้าวันถัดมาตัว ลุงชเว เองกลายเป็นศพผูกคอตายอยู่ในห้องของตัวเอง และตาลุงด็อกซู ยังได้เจอกับ ปาร์คพยองดัล (Dong-il Sung) อดีตเพื่อนร่วมงานของลุงชเวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเขาได้ของร้องให้ ตาลุงด็อกซู ขี้วีนที่รู้ทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ช่วยเขาสืบหาตัวฆาตกรให้ได้ ก่อนที่คนร้ายจะซ้อมมือจนหนำใจแล้วหันไปลงมือกับผู้หญิงในเมืองนี้แทน แต่ ตาลุงด็อกซู จะยอมเอาเวลาตามเก็บค่าเช่ามาเสี่ยงตายช่วยคนแปลกหน้าอย่าง พยองดัล หรือเปล่าล่ะ

      เป็นหนังที่แม้จะเป็นเรื่องการฆาตกรรมก็จริง  แต่อารมณ์หนังก็ไม่ได้ตึงเครียดมากนัก ช่วงแรกออกจะเป็นหนังอารมณ์ดีซะด้วยซ้ำกับบุคลิกของตาลุง ด็อกซู ขี้วีน หนังมันมีความเป็น Old School ของเหล่าคนสูงวัย  ที่ต้องมาแก้ไขปมปัญหาของตัวเองที่ค้างคาใจเมื่ออดีต ทั้งเรื่องเราจึงได้เห็น ตาลุงด็อกซูและพยองดัล แท็กทีมกันสืบหาคนร้าย แต่เมื่อเดินเรื่องถึงจุดหนึ่งก็มีความจริงบางอย่างเกี่ยวกับ พยองดัล ที่มันเปลี่ยนความน่าเชื่อถือของคำพูดเขาไปซะหมด

      หนังเองไม่ถึงกับคาดเดายากเย็นอะไรถึงจะพยายามสับขาหลอกคนดูบ้างก็เถอะ แต่พอหนังเริ่มเผยลักษณะของคนร้ายมาเพียงเล็กน้อย  หากใครที่พยายามสังเกตมาตลอด  ก็จะรู้ได้แล้วว่าฆาตกรจริงๆคือใครกันแน่  เพราะหนังบอกจุดสังเกตมาให้กับเราก่อนแล้ว  หลังจากนั้นในช่วงท้ายก็จะให้คำใบ้กับเรามาอีกที ก่อนที่สุดท้ายจะเฉลยความจริงออกมาทั้งหมด

      นอกจากการตามล่าฆาตกรในเรื่องนี้แล้ว หนังเองยังใส่เรื่องราวการถูกทอดทิ้งให้อยู่กันเพียงลำพังของเหล่าผู้สูงอายุอีกด้วย ไม่ว่าจะการตายของคนสูงวัยที่กลายเป็นว่าสืบสวนกันอย่างง่ายๆ ไม่ใส่ใจเท่าที่ควรแล้วระบุไปว่าเป็นอุบัติเหตุ การฆ่าตัวตาย หรือตายเองโดยธรรมชาติ ประโยคที่เน้นย้ำประเด็นนี้เลยก็คือที่ ลุงด็อกซูบอกกับลุงชเว ว่าให้หมั่นแวะไปคุยกับเขาที่ห้องหน่อย หากว่าเขาเกิดตายไปก็ไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครรู้จนสภาพศพมันไม่น่ามอง หรือตอนที่ ตาลุงด็อกซู ต่อว่าผู้เช่าหอพักของตัวเองว่า…คนอย่างพวกเธอกระทั่งพ่อแม่ก็ไม่เคยที่จะโทรไปหาหรอก

      ในทีแรกเราเองอาจจะรู้สึกขบขันหรือว่าลำไยความขี้วีนของ ลุงด็อกซู นะ แต่เมื่อเราเริ่มได้เห็นความรู้สึกลึกๆในใจอีกด้านนึงผ่านชะตากรรมของเด็กสาวอย่าง จิอึน (Hye-In Kim) เราก็ต้องหันมามอง ลุงด็อกซู ด้วยความคิดใหม่ ซึ่งจะว่าไปก็คล้ายกับคนแก่ทั่วไปหลายคนที่มักจะดุด่าลูกหลานของตัวเอง แต่จริงๆแล้วในคำต่อว่าเหล่านั้นมันก็เต็มไปด้วยความหวังดีและไม่เคยคิดร้าย เหมือนกับ ลุงด็อกซู ที่เสี่ยงชีวิตพยายามช่วยเหลือเด็กสาวที่เป็นเพียงคนเช่าห้องแล้วก็กำลังจะย้ายออกแล้วแท้ๆ นั่นก็เพราะว่าเขาเห็นเธอเป็นเด็กดีที่ไม่ทอดทิ้งแม่ของตัวเองแม้ทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม

      สรุปแล้ว The Chase (2017) ล่าฆาตกรวิปริต เป็นหนังสืบสวนที่ดูสนุก ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดีนะหนังไม่ตึงเครียดเกินไป ไม่ซับซ้อนจนถึงขนาดที่ว่าพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว แล้วยังแทรกสาระเกี่ยวกับผู้สูงวัยที่คนอายุน้อยอย่างเราๆอาจจะมองข้ามกันไปบ้าง ก็นะ…ดูๆกันไว้บ้าง…วันนึงข้างหน้าก็ต้องแก่ด้วยกันทุกคนล่ะนะ 

 

ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 

 

ขอบคุณภาพประกอบจากภาพยนตร์: The Chase (2017) 

 

รับชมได้ทาง: Netflix

#MovieReview #รีวิวหนัง