วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Spring, Summer, Fall, Winter... and Spring(2003)

Spring, Summer, Fall, Winter... and Spring(2003) วงจรชีวิต กิเลสมนุษย์
#ปีนรั้วดูหนัง #Drama #Romance #KimkiDuk
      เกวียน เป็นพาหนะที่คนในอดีตนิยมใช้งาน กงเกวียน ก็คือ วงรอบกลมๆของล้อเกวียน ส่วน กำเกวียน ก็คือ ซี่ล้อซึ่งตรงกลางมีดุมล้อที่มีรูไว้เพื่อสอดเพลาเป็นแกนยึดล้อเกวียนทั้งสองข้าง เมื่อกงเกวียนหมุนไปในทิศทางไหน กำเกวียนก็หมุนตามไปในทิศทางนั้น คำว่า “กงเกวียนกำเกวียน” เลยเปรียบเหมือนกงล้อเกวียน และกำเกวียน เวลาหมุนจะหมุนวนซ้ำรอยตามเดิมเสมอ เหมือนกับชีวิตของเราที่เมื่อเราทำอะไรไว้สิ่งนั้นก็จะย้อนกลับมาส่งผลถึงเราไม่เสมอไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

      นักบวช รูปหนึ่งใช้ชีวิตอยู่กับเณรน้อยสองคนบนศาลาลอยน้ำกลางป่่า ซึ่งเณรน้อยก็อยู่ในวัยซนอยากรู้อยากเห็น  มักจะจับสัตว์ต่างๆไปเล่นพิเรนทร์ๆทำให้สัตว์เหล่านั้นพบกับความทรมานหรือความตาย อาจารย์ก็เลยสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยการ  ทำเหมือนกันกับที่ศิษย์ทำกับสัตว์เหล่านั้นเพื่อเป็นการเตือนสติ

      จนเวลาล่วงเลยมาหลายปีอาจารย์ก็อายุมากขึ้นศิษย์ก็เริ่มโตเป็นหนุ่ม วันหนึ่งมีหญิงจากในเมืองพาลูกสาวที่ป่วยหนักมาฝากให้อาจารย์ช่วยรักษาอาการป่วยนั้น แต่เมื่อเจ้าลูกศิษย์ตัวดีที่ไม่เคยได้พบเจอหรือเข้าใกล้หญิงสาวมาก่อนกลับไม่สามารถระงับความต้องการภายในจิตใจได้  ตัดสินใจทำในสิ่งผิดโดยที่เด็กสาวเองก็เต็มใจไม่ได้ขัดขืนอะไร เรื่องราวการผิดศีลธรรม ความลุ่มหลง ความวุ่นวายภายในจิตใจ และความแค้นจึงเริ่มขึ้นนับจากนั้น

      เป็นหนังที่เล่าตามฤดูการเหมือนกับชื่อเรื่องของหนังเริ่มด้วย ฤดูใบไม้ผลิและจบลงที่ฤดูหนาว และเริ่มต้นอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนกับ กงเกวียนกำเกวียน ที่เมื่อเกิดแรงผลักล้อมันก็จะหมุนเวียนกลับมาเสมอ

      คนเราเมื่ออยู่ในกรอบของศีลธรรมมีสติระลึกได้ เราก็จะไม่ละเมิดแม้เพียงสิ่่งเล็กน้อย ในหนังเราจะสังเกตอะไรได้บางอย่างที่เหมือนมันแปลกๆหรือไม่เข้าใจว่าจะมีมันไว้ทำไมก็คือ ประตูไม้ ทั้งประตูที่อยู่ตรงฝั่งแม่น้ำ และประตูในอยู่ในศาลาลอยน้ำที่มีแต่ประตูตั้งไว้อย่างเดียว แต่กลับไม่มีพนังกั้นสามารถเดินผ่านทะลุหากันได้สบายๆ 

      ตอนแรกที่ได้ดูก็ตีความหมายไม่ออกเหมือนกันนะ แต่ได้ไปอ่านบทความธรรมมะที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ถึงได้เข้าใจว่ามันเป็นเหมือนสิ่งแทนกำแพงของศีลธรรมในใจเรา ถ้าเรายังระลึกตนเองได้เสมอถึงแม้จะมีสิ่งยั่วใจหรือทางอื่นที่สะดวกกว่า  หรือทางที่เดินผ่านได้เราก็ยังจะเข้าออกทางประตูเหมือนเดิม  ยังอยู่ในกรอบของความดี เหมือนกับคำว่าเข้าตามตรอกออกตามประตู

      แต่กับพระหนุ่มเมื่อไม่สามารถระลึกถึงสถานะของตนเองได้แล้ว  เมื่อมีอะไรมาขวางทาง ไม่สามารถออกทางประตูได้ก็ยังไม่ห้ามใจตัวเอง กลับเลือกที่จะออกไปตามสะดวกของตนเอง  แม้จะรู้ว่าสิ่งที่่กระทำนั้นไม่ดีก็ตาม

      เอาจริงๆพระหนุ่มกับเด็กสาวในเรื่อง ก็ไม่ต่างจากวัยรุ่นหนุ่มสาว(รวมถึงแอดเองสมัยหนุ่มๆ555)ก็อยู่ในวัยหักห้ามใจอะไรตัวเองไม่ได้ มีแต่ความลุ่มหลง ไม่เดินตามทางที่ถูกที่ควร แต่ก็ในเมื่อเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้จะเพียรพยายามจะหลุดพ้นน่ะนะ เราก็เลยยังต้องอยู่ในกงเกวียนกำเกวียนกันต่อไป

      หนังเป็นผลงานการกำกับของ คิมคิดุ๊ก ซึ่งถ้าใครเคยดูผลงานของพี่แกก็คงจะเข้าใจอารมณ์หนังได้จนชินแล้วว่าแนวแกมันเป็นยังไง ส่วนตัวถามว่าชอบหนังแบบที่แกทำไหมเอาจริงๆก็ไม่ใช่ทางเลยนะ แต่ว่าไม่รู้เหมือนกันนะ  เหมือนงานของแกมันมีเสน่ห์อะไรบางอย่างดึงดูดให้เราต้องเลือกหยิบหนังแกมาดูอยู่เรื่อยๆ และอีกอย่างนึงหนังของ คิมคิดุ๊ก ก็เป็นหนังที่พูดกันน้อยมากบางตัวละครหลักๆเราแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ 

      อย่างเรื่องนี้เด็กสาวที่ป่วยนั่นก็แทบไม่มีบทพูดเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่พูดเลยสักประโยคด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงน่าจะซักสองสามครั้งตอนครางล่ะมั้ง 555  เรียกว่าหนังของลุงแกเป็นหนังที่พูดน้อยแต่ระหว่างดูเรากลับลืมหรือว่าไม่ได้สนใจกับการพูดน้อยหรือไม่พูดของตัวละครเลยด้วยซ้ำ  ก่อนจะตัดสินใจดูเรื่องนี้เอาจริงๆจากผลงานที่ผ่านมาของ คิมคิดุ๊ก ไม่คิดฝันว่าจะเจอกับหนังธรรมะจัดสรรอะไรแบบนี้เลยนะ

      ถึงตัวหนังเองจะมีเรื่องราวผิดศีลธรรมอะไรต่างๆนานา แต่แง่คิดที่ซ่อนไว้ในหนัง(ถ้าตีความออกน่ะนะ)ก็เรียกได้ว่าเตือนสติเตือนใจเราได้ดีเหมือนกัน เพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรลงไป เราจะได้ระลึกไว้เสมอว่า ผลของการกระทำนั้นมันจะย้อนกลับมาหาเราเสมอไม่ต่างจากล้อเกวียน ที่คนเรามีกรรมเป็นแรงผลักให้มันหมุนวนย้อนกลับมา

      สรุปแล้ว ถ้าคุณเคยดูผลงานของ คิมคิดุ๊ก มาก่อนก็น่าจะซึมซับกับเนื้อหาได้ไม่ยากเย็น แต่ถ้าใครไม่ใช่แฟนลุงแกถ้าอยากลองเสพงานแบบนี้บ้าง ก็คิดว่าเรื่องนี้เหมาะที่จะเริ่มต้นลองที่สุดแล้วเพราะเนื้อหาน่าจะเบาไม่น่ากระอักกระอ่วนใจเท่าเรื่องอื่นๆแน่นอน

ปล. เรื่องนี้ลุง คิมคิดุ๊ก มาแสดงบทบาทเองด้วยในช่วงสองฤดูสุดท้ายของหนัง


#MovieReview #รีวิวหนัง





1 ความคิดเห็น:

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...