The Family Man (2000)

The Family Man (2000) สัญญารัก เหนือปาฏิหาริย์
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance#TheFamilyman 

      เรื่อง เงินทอง ความรัก ความสุข ครอบครัว บางที่มันก็เป็นปัญหาโลกแตกในการจัดสรรทุกอย่างให้มันลงตัวนะ เพราะถ้าหากไม่มีเงินซะแล้วล่ะก็ ความรักก็คงจะมีความราบลื่นได้ยาก ความสุขและครอบครัวก็คงจะไม่ได้มีตามมาแน่ๆ แต่หากเรามัวแต่ขนขวายหาเงินทองทรัพย์สมบัติที่เป็นของนอกกาย 

      การที่เราจะมีเวลาสร้างความอบอุ่นความสุขให้ครอบครัวก็จะน้อยลงตามไปด้วย เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครสอนใครได้ดีเท่าประสบการณ์ที่เจ้าตัวเจอด้วยตัวเอง คงจะมีแต่ตัวเองที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตในแบบไหนมาแล้วจะจัดสรรชีวิตตัวเองยังไงให้ลงตัวที่สุด

      แจ็ค แคมพ์เบล (Nicolas Cage) ชายที่เมื่อ 13 ปีก่อนเขาหันหลังให้กับคนรักเพื่อเดินหน้าทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ในตอนนี้เขาเป็นนักธุรกิจเป็นผู้บริหารการเงินที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีแมนชั่นราคาแพงมีรถหรูให้ขับ มีสาวๆสลับหน้ามาเป็นคู่นอนให้ไม่ซ้ำ โดยที่ แจ็ค เองก็คิดว่าในตอนนี้เขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว 

      จนในคืนก่อนวันคริสมาสในขณะที่ แจ็ค แวะร้านสะดวกซื้อ ภายในร้านเกิดเรื่องราวเมื่อชายผิวสีคนหนึ่งชักปืนขึ้นมาแล้วโวยวายที่เจ้าของร้านใส่ร้ายว่าเอาสลากปลอมมาขึ้นเงิน  ด้วยความที่ แจ็ค เป็นนักเจรจาตัวยงเขาก็จัดการจบเรื่องราววุ่นวายนั้นได้ด้วยสันติวิธี แต่ แจ็ค หารู้ไม่ว่าตัวเองได้ก้าวเข้าไปสู่ความวุ่นวายเมื่อชายผิวสีคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา และกำลังจะสอนบทเรียนชีวิตให้กับ แจ็ค ว่าจริงๆแล้วอะไรคือสิ่งที่คนเราต้องการที่สุดในชีวิต

      เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ส่วนตัวผมแล้วชอบ และมักจะเลือกมาดูอยู่บ่อยๆ ด้วยความที่การสื่อสารของหนังมันง่ายๆตรงไปตรงมา ไม่ต้องตีความกับสิ่งที่หนังสื่อออกมาเลย ถึงแม้อาจจะบอกว่าหนังคิดแทนคนดูเกินไปหรือเปล่าก็เถอะ แต่ถึงยังไงคนเราก็ต้องเลือกอยู่ดีเหมือนกับตัวละครอย่าง แจ็ค ที่เมื่ออดีต 13 ปีที่แล้วเขาเลือกที่จะหันหลังให้กับคนรักเพื่อแลกกับความสำเร็จ

      แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่ตัวเองได้พบกับชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง การมีเมียที่ดี ลูกๆที่น่ารัก เป็นครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งใครๆก็อยากจะมี และกับการที่เขาสามารถกลับมาสร้างความสำเร็จได้อีกครั้ง แต่อาจจะต้องเลือกหันหลังให้กับคนที่รักเหมือนเมื่อ 13 ปีที่แล้วอีก ซึ่งทุกคนถ้าได้เจอสถานการณ์เดียวกันคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าจะเลือกอะไร

      ในทีแรก แจ็ค เองที่ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปจากคนที่มีความมั่นใจประสบความสำเร็จ แต่กลายเป็นว่าตื่นเช้ามาในวันนึงตัวเองกลายเป็นคนมีเมียมีลูกอีกสองคนก็ย่อมเตลิดไปไกล แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอมใช้ชีวิตที่ไม่ใช่ของตนเอง แถมหลายๆอย่างในชีวตยังเลวลงไปอีกจากคนที่เคยประสบความสำเร็จ

      ตอนนี้กลายเป็นแค่เซลขายยางรถยนต์ร้านบิ๊กเอ็ด เงินเดือนแค่ไม่กี่บาทจะซื้อสูทที่อยากได้สักตัวยังไม่มีปัญญา เพราะอะไรๆ เคท (Téa Leoni) ก็บอกว่าต้องนึกถึงแต่ลูกก่อนเสมอ และด้วยความที่ยังไม่รู้สึกถึงความผูกพันกับการใช้ชีวิตกับครอบครัวนี้ แจ็ค ก็ยังเกือบจะตัดสินใจทำสิ่งผิดกับ เคท กับครอบครัวอีกด้วย

      สิ่งที่ทำให้ แจ็ค เปลี่ยนไปเป็นคนละคนในทางที่ดีขึ้นได้ ไม่ใช่แค่สถานการณ์หรือเหตุผลง่ายๆ แต่เป็นการค่อยๆสร้างความสัมพันธ์และซึมซับความรู้สึกของคนรอบข้างที่คอยห่วงใย เช่นเพื่อนซี้อย่าง อาร์นี่ ที่คอยเตือนสติ รวมถึงความรักของ เคท ที่มีต่อเขาในแบบของคำว่า “เรา” ที่หมายถึงครอบครัว

      การให้อภัยเมื่อ แจ็ค ทำเรื่องผิดพลาด หลายๆซีนในหนังที่ตัวละคร แจ็คกับเคท ปะทะคารมกัน บางทีเราแทบจะรู้สึกเหมือนว่าสองคนนี้จะไปด้วยกันได้หรอ ความสัมพันธ์ความรู้สึกปลอมๆของ แจ็ค ในการแสร้งเป็น แจ็ค ที่ทุกคนรู้จัก แต่ เคท กลับไม่เคยคิดและไม่เคยสงสัยอะไรเลย เธอเข้าใจและให้อภัยเขาเสมอ

      ฉากหนึ่งที่ชอบคือซีนที่ แจ็ค ไปยืนเลือกชุดสูทแล้ว เคท ไม่ยอมซื้อให้ แล้วสองคนทะเลาะกันนี่แหละ มุมนึงของหนังมันก็สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างของคนที่เป็นพ่อแม่คนแล้ว อยากจะใช้เงินทำอะไรก็ต้องนึกถึงลูกก่อนเสมอ จนบางครั้งอาจจะเผลอตั้งคำถามกับตัวเองว่า เฮ้ย…..นี่มันใช่ชีวิตของเราจริงๆหรอว่ะ เราใช้ชีวิตของคนอื่นอยู่หรือเปล่า ความฝันกับสิ่งที่เราอยากทำล่ะมันหายไปไหนหมด

      แต่สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นข้อหนึ่งที่พิสูจน์ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนะ(แม้จะไม่ทุกคนก็ตามที) สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แม้จะยอมละทิ้งความฝันของตัวเอง แต่ถ้าครอบครัวยังได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เราก็สามารถเสียสละบางอย่างเพื่อแลกกับอะไรหลายๆสิ่งเพื่อคนที่รักได้

      สรุปแล้ว The Family Man เป็นหนังครอบครัวที่เหมาะกับคนที่เริ่มสร้างครอบครัวเรื่องนึง เพราะหนังมันก็บอกเราตรงๆถึงสิ่งต่างๆที่เราอาจจะต้องเสียสละเพื่อความสุขของครอบครัว และยังบอกอีกว่าเราจะจัดสรรระหว่างความสุขของครอบครัวกับเรื่องเงินทองหน้าที่การงานอย่างไรให้ลงตัว เวลางานไม่มาเบียดเบียนครอบครัว และยังสามารถทำงานหารายได้เพื่อทำให้ครอบครัวมีความสมบูรณ์พร้อมอีกด้วย

#MovieReview #รีวิวหนัง