วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Bleach (2018)

Bleach (2018) บลีช เทพมรณะ
#ปีนรั้วรีวิว #Action #Adventure #Fantasy Director: Shinsuke Sato
      Live-Action จากมังงะในชื่อเดียวกันของ Tite Kubo ซึ่งผมสารภาพเลยว่าไม่เคยอ่าน เลยคงไม่ได้เขียนในรายอะไรอะไรที่เกี่ยวกับมังงะได้ เขียนได้แต่แง่มุมของความเป็นหนังสักเรื่องหนึ่งว่า ทำออกมาแล้วผลที่ได้มันเป็นอย่างไร 

คุโรซากิ อิจิโกะ (Sôta Fukushi) เด็กหนุ่มหัวส้มที่สูญเสียแม่ในวัยเด็กจากเหตุการณ์ประหลาดบางอย่าง ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับ อิชชิน (Yôsuke Eguchi) และยูซึกับคาริน พ่อน้องสาวตัวน้อยอีกสองคน สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มอย่าง อิจิโกะ แตกต่างจากคนทั่วไป(นอกจากหัวสีส้ม)ก็คือ ความสามารถพิเศษในการมองเห็นวิญญาณได้ และแม้ใครๆในโรงเรียนจะมองว่า อิจิโกะ นั้นแปลกประหลาด แต่เขาก็ยังมีสาวน้อยอย่าง อิโนะอุเอะ ฮิริฮิเมะ (Erina Mano) แอบมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

ในคืนหนึ่งที่ อิจิโกะ กลับมาถึงบ้านเขาได้เจอกับ คุจิกิ ลูเคีย (Hana Sugisaki) ยมทูตสาวที่กำลังออกตามล่า ฮอลโลว์ วิญญาณที่กลายเป็นปีศาจร้ายและหมายจะสูบกินวิญาณของ อิจิโกะ ที่มีพลังสูง ระหว่างการต่อสู้ ลูเคีย เพลี่ยงพล้ำให้กับ ฮอลโลว์ ทำให้ทางเลือกเดียวที่มีในการเอาชีวิตรอดของทั้งสองคนก็คือ เธอจะต้องถ่ายพลังยมทูตให้กับ อิจิโกะ เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายออกไปกำจัด ฮอลโลว์ ตนนี้แทนเธอ
      หลังจากดูจบแล้วถือว่าหนังทำออกมาค่อนข้างสนุกเลยนะ แม้แอคชั่นจะมาน้อยไปหน่อยจัดเต็มเอาจริงจังก็ช่วงท้ายเรื่อง ยิ่งกับการที่หนังภาคนี้เป็นเหมือนอินโทรนิดเดียวจากมังงะทั้งหมด คงจะพอบอกได้ว่าแม้จะสนุกก็จริงอยู่ แต่ยังคงห่างไกลกับความบันเทิงที่น่าจะทำได้มากกว่านี้จากมังงะฉบับเต็ม

สตอรี่เรื่องราวของหนังเล่าจากเพียงแค่ปูมหลังนิดหน่อยของ อิจิโกะ ด้วยการใส่ปมการสูญเสียแม่ ที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา จนถึงการที่ อิจิโกะ ได้รับพลังยมทูตจาก ลูเคีย แบบตกกระไดพลอยโจน เพียงแต่ว่าแค่การได้รับพลังมามันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเก่งขึ้นมาในวันสองวัน ยังต้องผ่านการฝึกฝนอีกมากมายกว่าจะออกไปต่อกรกับเหล่า ฮอลโลว์ ได้
      ซึ่งช่วงนี้ของหนังแม้จะพอดูได้เพลินๆ แต่หากว่ากันตามตรงก็แทบไม่มีเนื้อหาสาระอะไรเลยเหมือนกัน นอกจากการที่ อิจิโกะ ไม่เข้าใจและไม่อยากฝึก แต่ ลูเคีย ก็พยายามตามตื้อคะยั้นคะยอจน อิจิโกะ ยอมฝึกจนได้ ถ้ามองในแง่ความกุ๊กกิ๊กน่ารักของคาแรคเตอร์พระนาง ก็ถือว่านักรักเอาคนดูอยู่นะไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือลำไยอะไร แต่หากมองในแงว่าเรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่นแฟนตาซี ก็ถือว่าเนื้อเรื่องส่วนนี้กินเวลาของหนังไปเยอะพอสมคว

ด้านเทคนิคพิเศษถือว่าผ่านสบายๆดีไซน์ตัว ฮอลโลว์ ออกมาได้ดีแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ด้านแอคชั่นด้วยความที่เป็นแนวแฟนตาซีมีพลังวิเศษ หากเทียบกับหนังที่ใช้ดาบเหมือนกันอย่าง Rurouni Kenshin อาจจะไม่ว้าวไม่ดุเดือดเท่า แต่ก็ถือว่าทำออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี ยังสนุกไปกับฉากแอคชั่นของหนังได้ แต่อย่างที่บอกไปตอนต้นแหละว่าหนังมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ฉะนั้น อิจิโกะ เองก็แทบจะเรียกได้ว่ายังไม่มีอะไรมีโชว์พาวให้คนดูว้าว ยังต้องให้พรรคพวกอย่าง อุริว อิชิดะ (Ryô Yoshizawa) มาช่วยกันรุมอยู่ตัวร้ายอยู่เลย ส่วนพวกที่เก่งเทพแล้วอย่างตัวละคร เรนจิ (Taichi Saotome) กับ เบียคุยะ (Miyavi) อาจจะมี เรนจิ ได้โชว์บ้างนิดหน่อยในช่วงท้าย แต่ เบียคุยะ นี่แทบจะมายืนเท่ๆอย่างเดียวไม่ได้ลงมืออะไรเท่าไหร่เลย ฮ่าฮ่า
      สรุปแล้ว Bleach (2018) บลีช เทพมรณะ เป็น Live-Action จากมังงะที่สนุกนะ แต่ด้วยความที่เนื้อหาภายในหนังมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทั้งหมด ความสนุกมันจึงออกมาครึ่งๆกลางๆตัวละครเอกก็ยังไม่เก่งไม่เทพ ส่วนตัวละครเทพเก่งแล้วก็แทบไม่ได้โชว์อะไร หนังมันจึงสนุกแต่ไม่สุด ยังไม่มีอะไรให้คนดูว้าว ตื่นตาตื่นใจไปกับหนังได้มากเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะมีภาคต่อออกมาหรือเปล่านะ จากผลที่ได้ในภาคแรกนี้ก็เชียร์ให้มีภาคต่อเหมือนกัน เพราะถือว่าทำออกมาได้สนุกใช้ได้เลย
 
ฝากช่องยูทูปรีวิวหนังช่องเล็ก ๆ ด้วยครับผม:  https://www.youtube.com/channel/UCo1Txn08XONf92m_kngztWQ 
 
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Bleach (2018)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...