วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2563

The Guilty (2018)

The Guilty (2018) aka Den skyldige เส้นตาย สายระทึก
#ปีนรั้วรีวิว #Crime #Drama #Thriller Director: Gustav Möller
      เอสเกอร์ โฮล์ม (Jakob Cedergren) ตำรวจที่ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ระหว่างรอการพิจารณาคดีส่วนตัวของเขา เอสเกอร์ ทำงานแบบไม่เต็มใจกับหน้าที่ที่ได้รับใหม่นี้เท่าไหร่นัก เพราะมันน่าเบื่อกับการที่ต้องมารับสายใครต่อใครมากมาย ที่บางคนก็เพียงแกล้งโทรมาป่วน บางคนก็เมายาจนไม่ได้สติหรือบางคนหน้ามืดรับโสเภณีขึ้นมาบนรถ จนโดนปล้นแล้วไม่กล้าแจ้งข้อมูลมาตรงๆ

กระทั้งการโทรเข้ามาแจ้งเหตุฉุกเฉินของ อีเบน (Jessica Dinnage) สายหนึ่งที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ทั้งยังคุยกับ เอสเกอร์ ประหนึ่งคุยกับลูกชายของตัวเอง นั่นเลยทำให้เขาสนใจสายนี้เป็นพิเศษ และด้วยประสบการณ์การเป็นตำรวจมานาน เอสเกอร์ ก็ถึงบางอ้อจนได้ว่า ที่ อีเบน จำเป็นต้องพูดเสมือนเขาเป็นลูกชายของเธอก็เพราะ อีเบน กำลังถูกลักพาตัวและอยู่ภายใต้การควบคุมของคนร้าย เธอจึงไม่สามารถบอกกับเขาออกมาตรงๆได้ เอสเกอร์ จึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อหาทางให้ความช่วยเหลือ อีเบน หญิงสาวที่อยู่ปลายสายและชะตากรรมของเธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายของเธอ
      หนังระทึกขวัญจากประเทศเดนมาร์กที่ได้คะแนนจาก IMDB ถึง 7.6 คะแนน จากผู้โหวตหนึ่งหมื่นกว่าคนซึ่งถือว่าสูงทีเดียว แล้วก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจดูเรื่องนี้ ส่วนตัวผมแล้วชอบหนังในแง่มุมประเด็นของการพยายามไถ่บาปของ เอสเกอร์ ที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความช่วยเหลือ อีเบน รวมทั้งช่วงเนื้อเรื่องในตอนท้ายของหนังที่ชวนหงายเงิบจริงๆ แต่หากว่ากันที่ความระทึกขวัญบันเทิงแล้วไม่รู้สำหรับคนอื่นคิดเห็นยังไงนะ แต่กับผมเองหนังบิ้วความรู้สึกตื้นเต้นไม่ได้ ไม่สนุกหรือลุ้นไปกับการสนทนาหาทางช่วยเหลือระหว่าง เอสเกอร์กับอีเบน เท่าไหร่เลย

หนังใช้วิธีเล่าเรื่องด้านเดียวที่เป็นสถานการณ์ของ เอสเกอร์ ในห้องรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เราที่เป็นคนดูก็จะรับรู้เรื่องราวต่างๆของแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าๆกับ เอสเกอร์ ช่วงแรกมาถึงช่วงกลางของหนังในหัวของคนดูจึงมีแต่ความฉงนสงสัย และพยายามหาทางปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ต่างจาก เอสเกอร์ ที่พยายามหาความจริงว่าใครกันที่เป็นคนจับตัว อีเบน ไปและเขามีจุดประสงค์อะไร ก่อนช่วงท้ายของหนังที่เฉลยเรื่องราวออกมาเกือบหมดแล้ว คนดูกับเอสเกอร์ จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันคือได้แต่ งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งต่างๆที่ทำลงไป ว่าอะไรที่มันพาให้เรื่องราวมาถึงจุดนี้ได้
      ส่วนตัวมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ เอสเกอร์ ว่า เมื่อเรามีบาปเป็นของตัวเองเราก็ควรไถ่บาปในเรื่องของตนเอง ไม่ใช่การใช้เรื่องราวของคนอื่นเป็นเครื่องมือในการไถ่บาป เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา การเอาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองใส่ลงไปในเรื่องของคนอื่น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้ว เรื่องราวมันอาจจะยุ่งวุ่นวายจนไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาได้อีก เพราะหาก เอสเกอร์ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามขั้นตอน ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปปะปนกับงาน เรื่องราวมันก็คงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็น

เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบดูอะไรเรื่อยๆไม่จำเป็นต้องมีหลายโลเกชั่น ไม่ต้องมีอะไรตูมตาม ระทึกขวัญ สั่นประสาท เพราะหนังมีแค่การดำเนินเรื่องที่ชวนติดตามเท่านั้นที่เป็นจุดเด่น และความจริงที่เราอยากรู้ไม่ต่างจาก เอสเกอร์ ว่าเขาจะสามารถให้ความช่วยเหลือ อีเบน ได้หรือเปล่าเท่านั้น
      สรุปแล้ว The Guilty (2018) aka Den skyldige เส้นตาย สายระทึก เป็นหนังระทึกขวัญ ที่ขอใช้คำว่าน่าติดตามนะ เพราะความระทึกขวัญของหนังเองส่วนตัวผมว่าก็ยังไม่ตอบสนองกับคนดูได้ดีเท่าไหร่ สิ่งที่หนังทำหน้าที่ได้ดีก็คือ การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม เหตุการณ์ต่างๆที่คนดูและตัวละคร เอสเกอร์ ต้องพยายามต่อจิ๊กซอว์ข้อมูลเพื่อหาทางช่วย อีเบน จากการลักพาตัวครั้งนี้ให้ได้

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : The Guilty (2018)

#MovieReview #รีวิวหนัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้ Screenwriter:  Chun Sung Il Director:  Lee Jae Gyoo       ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธ...