วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Review: Forever and Ever (2021)

Forever and Ever (2021) ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม ภาคปัจจุบัน

#Romance #Drama Director: Shen Yang, Ben Fang/ Screenwriter: Mo Bao Fei Bao
      สืออี๋ (ไป๋ลู่) นักพากย์เสียงชื่อดังบังเอิญได้พบกับศาสตราจารย์ โจวเซิงเฉิน (เหรินเจียหลุน) ที่สนามบินกว่างโจว เพียงแค่ครั้งแรกที่ได้พบ สืออี้ รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างเธอและเขา เพราะ โจวเซิงเฉิน เป็นชื่อตัวละครในหนังที่เธอกำลังลงเสียงพากย์ แม้เป็นอะไรที่ออกจะแปลกไปสักนิดเธอยังตัดสินใจขออีเมลเพื่อติดต่อเขา ทั้งสองคนติดต่อผ่านอีเมลเป็นเวลาหลายเดือนโดยที่ฝ่ายชายเองก็ตอบแทบนับครั้งได้ กระทั้ง โจวเซิงเฉิน กลับจากต่างประเทศมาทำงานที่ซีอาน สืออี๋ ตัดสินใจเดินทางมาเพื่อพบกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตธรรมดาอีกสักครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Review: Here We Meet Again (2023)

Here We Meet Again (2023) กลับมารักกันอีกครั้ง

#Romance #Comedy
Director: Tien Jen Huang
Screenwriter: Wu Yao
      เซี่ยงหยวน (อู๋เชี่ยน) หลานสาวประธานใหญ่เครือตงเหอกรุ๊ป สาวนักสตรีมเกมชื่อดังที่ปิดบังตัวตนเป็นความลับ ปู่ของเธอพยายามหว่านล้อมให้หลานสาวแต่งงาน แต่ไม่ว่ายังไงหลานสาวตัวดีก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่รับปาก คนเป็นปู่เลยยื่นคำขาดกับหลานสาวว่าหากไม่อยากแต่งงานล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานที่เหวยหลินบริษัทลูกที่จำหน่ายอุปกรณ์นำทางในรถยนตร์

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Review: God's Gift - 14 Days (2014)

God's Gift - 14 Days (2014) 14 วันสวรรค์กำหนด

#Drama #Thriller Director: Lee Dong-Hoon/ Writer: Choi Ran
      เนื้อหาของซีรีส์เล่าเรื่องราวของ คิมซูฮยอน (Lee Bo-Young) นักเขียนบทรายการโทศทัศน์แนวสืบสวนชื่อดัง ภรรยาของอัยการ ฮันจีฮุน (Kim Tae-Woo) และแม่ของ ฮันแซตบยอล ลูกสาววัย 8 ขวบที่คลั่งไคล์นักร้องชื่อดังอย่าง แทโอ (No Min-Woo) อัยการ ฮันจีฮุน ได้รับเชิญให้ไปร่วมรายการที่ คิมซูฮยอน เป็นคนเขียนบท แต่ด้วยความเป็นอัยการที่ยึดอุดมการณ์ตามตัวบทกฎหมาย เมื่อถูกถามถึงการนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ ซึ่งกำลังเป็นหัวข้อวิพากษ์ของสังคม คำตอบของอัยการฮันจีฮุนเลยสร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของเหยื่อ ที่รอคอยให้คนร้ายได้รับโทษสมกับที่ก่อเอาไว้

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Review: You are My Spring (2021)

You are My Spring (2021)

#Drama #Romance Director: Jung Ji-Hyun/ Writer: Lee Mi-Na
      คังดาจอง (Seo Hyun-Jin) สาวพนักงานโรงแรมที่วัยเด็กโตมาในครอบครัวที่พ่อใช้ความรุนแรงกับแม่ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่กลายเป็นว่าเธอกลับคบแต่ผู้ชายแย่ ๆ เหมือนพ่อของตัวเอง หลังจากย้ายที่อยู่ใหม่เธอได้มาเป็นเพื่อนบ้านกับ จูยองโด จิตแพทย์ที่มาเปิดคลินิกอยู่ที่ชั้นล่าง ทั้งสองคนไม่ถูกชะตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ๆ เมื่อ จูยองโด (Kim Dong-Wook) ดันไปพูดจี้ใจดำตอกย้ำปมที่ทำให้ ดาจอง มักจะเจอแต่ผู้ชายห่วย

แต่เหมือนว่าหนุ่มคนใหม่ของ คังดาจอง พ่อหมอ จูยองโด อาจจะทายผิด เมื่อ แชจุน (Yoon Park) หนุ่มที่เทียวไล้เทียวขื่อคอยตามจีบ คังดาจอง ในคราวนี้ ดูเป็นคนดี สุภาพบุรุษ จนทำให้ คังดาจอง ที่ในตอนแรกเอาแต่ปฏิเสธไม่อยากรับรักคนดีอย่างเขา ใจอ่อนยอมเปิดทางให้ แชจุน เริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เพียงแต่ จูยองโด ดันสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างในตัว แชจุน ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแย่กว่าแฟนคนที่ผ่านมาของ คังดาจอง แต่อาจเลวร้ายกว่านั้นหลายเท่า

ซีรีส์เกาหลีสายฮีลที่ออกจะมีเนื้อหาหนักหน่วงไม่น้อย เพราะถึงแม้จะสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจตัวละคร ในขณะเดียวกันมันก็หลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่ฉายให้เห็นภาพประสบการณ์แย่ ๆ เหล่านั้น คือซีรีส์ไม่ได้แค่บอกว่าตัวละครมีปมแต่ยังนำเสนอที่มาที่ไปของปมที่กลายเป็นบาดแผลในใจนั้นด้วย พอได้ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วลองสังเกตุตัวเองดูก็มีแอบคิดเหมือนกันนะครับ ว่าแต่ละการตัดสินใจของเราเราตัดสินใจด้วยวิธีคิดที่เป็นเหตุผลจริงหรือเปล่า หรือเราเหมือนกับตัวละคร คังดาจอง ที่ตัดสินใจเลือกคบแต่คนแย่ ๆ เพราะอยากจะแก้ไขพวกเขาเหล่านั้นให้ดีขึ้น คังดาจอง โทษตัวเองในตอนเด็กว่าช่วยแม่ที่ถูกพ่อใช้ความรุนแรงไม่ได้ พอโตขึ้นมาเลยพยายามแก้ไขผู้ชายแย่ ๆ พวกนั้นที่เหมือนกับพ่อ

แล้วก็ไม่เฉพาะ คังดาจอง นางเอกของเราเท่านั้นที่มีปมหนักหน่วง ตัวละคร จูยองโด พระเอกของเรื่องที่เป็นจิตแพทย์เองก็มีปมฝังใจในชีวิตเหมือนกัน เขาถูกแม่กล่าวโทษเรื่องที่พี่ชายป่วยจนเสียชีวิต หรือตัวละคร แชจุนกับอีกหนึ่งตัวละครลับก็มีปมฝังใจในวัยเด็ก เป็นแรงขับทำให้ตัดสินใจทำเรื่องต่าง ๆ ลงไป พูดให้เข้าใจง่ายเรื่องนี้คงเหมือนเป็นซีรีส์ที่พูดถึงเบ้าหลอมคนคนหนึ่ง ว่าแต่ละประสบการณ์จะดีจะแย่มันก็ส่งผลให้เราเป็นเราเมื่อโตขึ้น ซึ่งซีรีส์ก็สรุปปิดท้ายในประเด็นนี้ได้ชัดเจน

เป็นซีรีส์ที่ผมชอบบทสนทนาของตัวละครในเรื่องมากเลย มันไม่ใช่บทพูดที่ไพเราะเรียบเรียงสวยงามอะไร อาจจะไม่ใช่คำพูดที่แสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจปัญหาด้วยซ้ำ แต่เป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกปลอดภัย รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เป็นคำพูดที่คนกำลังมีความทุกข์ ความเศร้า ได้ยินแล้วทุเลาความรู้สึกเหล่านั้นไปได้บ้าง ฉะนั้นนอกจากเราจะได้เห็นตัวละครเยียวยากันและกัน เราที่เป็นคนดูยังได้ปลอบใจตัวเองด้วยอีกด้วย หากเคยผ่านประสบการณ์ใกล้เคียงกับตัวละคร แล้วอีกเรื่องหนึ่งเหมือนจะได้สะท้อนตัวเองอีกครั้ง ว่าเป็นคนไม่เหมาะในการให้คำปลอบโยนกับใครเลย ฮ่าฮ่า

นอกจากบทสนทนาที่ตัวละครเยียวยากันแล้ว บทสนทนาในพาทโรแมนติกหรือพาทตลกก็ทำออกมาดีเช่นกัน อย่าว่างั้นงี้เลยครับ ถึงจะเป็นซีรีส์แนวเยียวยาจิตใจก็จริง แต่มุกตลกในซีรีส์ก็ออกแนวแซวขำ ๆ หยิกแกมหยอก ที่แอบเหมือนการล้ออยู่เหมือนกันล่ะครับ ฮ่าฮ่า แค่มันไม่ใช่การล้อเลียนแบบแง่ลบ ออกแนวพูดแซวอ้อล้อกันขำ ๆ หยิกแกมหยอกเสียมากกว่า เหมือนคนจีบกันแต่เขินเลยแซวลองเชิงกันไปกันมา

เคมีนักแสดงก็ถือว่าดีมากทั้งนักแสดงหลักและสมทบ คิมดงอุค ในบทหมอจูยองโด บทจะจริงจังก็ทำได้น่าเชื่อถือ บทจะขายขำก็ตลกหน้าตายดูน่ารักดี ส่วนคนที่ผมถูกใจที่สุดเห็นจะเป็น ซอฮยอนจิน ซึ่งแทบจะกลายเป็นนางเอกขวัญใจผมไปแล้ว ยิ่งดูยิ่งติดตามผลงานก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ บทดราม่าเอาอยู่ บทโรแมนติกที่ต้องใช้ความน่ารักก็มีเสน่ห์

การดำเนินเรื่องของซีรีส์นอกจากพูดถึงการเยียวยาปมฝังใจของตัวละครแล้ว เนื้อหายังมีการสืบสวนคดีฆาตกรรมอีกด้วย เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โทนของซีรีส์ออกจะเข้ม สวนทางกับประเด็นที่นำเสนอการเยียวยาจิตใจ แต่ข้อดีมันก็ทำให้เรื่องราวน่าติดตาม ทำให้ตัวละครดูไม่น่าไว้วางใจคาดเดาว่าจะมาดีมาร้าย เป็นซีรีส์ที่ผมคิดว่าเหมาะกับคนที่ชอบดูเนื้อหาสะท้อนในทางบวก มีสาระแง่คิด ดำเนินเรื่องราวเรื่อย ๆ เน้นความสัมพันธ์ตัวละคร แต่ยังมีความบันเทิงสูตรสำเร็จแบบฉบับซีรีส์เกาหลี ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบเลยล่ะครับ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Review: Inubu (2021)

 Inubu (2021)

#Drama Director: Tetsuo Shinohara
      โซตะ ฮานาอิ (Kento Hayashi) นักศึกษาสาขาสัตวแพทย์ปี 2 ที่รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ ในอพาร์ทเมนท์ของเขาจะเต็มไปด้วยหมาแมวเร่ร่อน รวมถึงสัตว์อื่นที่บาดเจ็บเพื่อนำตัวมารักษา แล้วในวันหนึ่ง โซตะ ก็ได้เจอกับเรื่องท้าทายที่มีสาเหตุจากความรักสัตว์ของเขา เมื่อหมาที่เขาช่วยชีวิตไว้ตัวหนึ่งดันเป็นหมาของมหาลัย ซึ่งเตรียมไว้ให้นักศึกษาฝึกผ่าตัด แน่นอนว่าชะตากรรมของมันหลังจากนั้นก็คือการถูกการุณญฆาต

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Review: Analog (2023)

 Analog (2023)

#Drama #Romance Director: Hideta Takahata
Writer: Takeshi Kitano (novel), Takehiko Minato
      ซาโตรุ มิซุชิมะ (Kazunari Ninomiya) นักออกแบบภายในที่เครดิตผลงานของตัวเองมักจะตกเป็นของเจ้านายบ่อยครั้ง เขามักจะนัดเพื่อนสนิทไปนั่งดื่มและพูดคุยที่เปียโน คาเฟ่ร้านประจำซึ่งเขาเป็นคนออกแบบด้วยตัวเอง ในวันที่นัดเพื่อนไปเจอกันเหมือนเช่นเคย ซาโตรุ ได้พบกับ มิยูกิ มิฮารุ (Haru) สาวสวยที่ชื่นชมงานออกแบบของ ซาโตรุ โดยเฉพาะห้องน้ำที่ออกแบบได้มีเอกลักษณ์ ส่วน ซาโตรุ เองก็สายตาเฉียบคมชื่นชมกระเป๋าที่ มิยูกิ ถืออยู่ซึ่งเป็นกระเป๋าแฮนด์เมดฝีมือของแม่เธอ

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Review: The King of Pigs (2022)

The King of Pigs (2022)

#Thiller #Drama
Director: Kim Dae-Jin
Writer: Tak Jae-Young
      ฮวังคยองมิน (Kim Dong-Wook) ประธานบริษัทขนส่งผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว จากเหตุพยายามฆ่าตัวตายของเขากับภรรยา เพียงแต่คดีที่ดูเหมือนเป็นการจบชีวิตตัวเองธรรมดาทั่วไป กลับสร้างข้อสงสัยมากมายให้กับ คังจินอา (Chae Jung-An) ตำรวจหญิงที่รับผิดชอบคดีนี้ เมื่อ ฮวังคยองมิน หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ ทิ้งไว้เพียงแค่ข้อความปริศนาไว้บนกระจกถึง จองจงซอก (Kim Sung-Kyu) เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เพื่อให้เขามาร่วมทำบางสิ่งบางอย่างกับตนเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ฮวังคยองมิน ได้ก่อเหตุฆาตกรรมขึ้น ซึ่งเหยื่อรายต่อไปคือเพื่อร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมต้น หนึ่งในคนที่เคยรวมหัวกลั่นแกล้งเขา ภาพของรูปคดีในหัวของ คังจินอา จึงเริ่มชัดแล้วว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตระหว่าง ฮวังคยองมินและเหยื่อ เพียงแต่สิ่งที่ยังไม่แน่ชัดก็คือเพื่อนร่วมงานของเธออย่าง จองจงซอก เกี่ยวข้องยังไงกับคดีนี้และเรื่องราวในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Review: Love in Time (2022)

Love in Time (2022) ลิขิตรักทะลุมิติ

#Comedy #Romance Director: Zhao Jin Tao
      เคอเจิ้นอวี่ (Yang Xu Wen) ทนายความมือหนึ่งที่หน้าแหกกลางศาล เพราะลูกความเพื่อนสนิทกลับคำให้การขณะพิจารณาคดีหย่าร้าง ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานเสียหายซ้ำยังถูกไล่ออกจากสำนักงาน เจ้าตัวเลยต้องระเห็จย้ายออกมาอยู่ห้องเช่าเก่า ๆ ซึ่งเขาคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องราวประหลาดขึ้นที่นั่น เมื่อที่แห่งนั้นทำให้เขาได้พบกับ เฉิงเจียเล่อ (Julia Xiang) นักข่าวสาวผู้กระตือรือร้นที่มาจากช่วงเวลา 4 เดือนก่อนหน้า ทั้งสองคนจะได้พบกันเป็นเวลา 46 นาทีนับตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่ม 6 นาที แม้ความสัมพันธ์ช่วงแรกจะเป็นคู่กัดกัน แต่ทั้งสองคนมีเป้าหมายเดียวกันคือการช่วยชีวิตเพื่อนสนิท ซึ่งตายอย่างเป็นปริศนาในอีก 4 เดือนข้างหน้า

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Review: Fry Me to the Moon (2024)

Fry Me to the Moon (2024) ฝันของเธอในวันนี้

#Drama
Screenwriter: Qin Wen
Director: Du Xiao Yu
      ซีรีส์เล่าเรื่องราวของผู้หญิงสามคนอย่าง ลู่เจินเจิน (Song Yi) หัวหน้าฝ่ายต้อนรับภัตตาคารอาหารจิงสู่เก๋อ ที่คบอยู่กับ หลิวซือหยวน (Wang Ren Jun) ผู้จัดการใหญ่ ทั้งสองคนตั้งใจจะแต่งงานกันในไม่นานนี้ แต่ความตั้งใจกลับต้องล้มเลิก เพราะการมาของ เหลียงชิงหราน (Charmaine Sheh) นักลงทุนที่เข้ามาซื้อต่อจิงสู่เก๋อแล้วทำให้พนักงานทุกคนตกงาน

มีเพียง หลิวซือหยวน ที่ เหลียงชิงหราน มองเห็นประโยชน์จึงดึงเข้ามาทำงานในบริษัท เพียงแต่ต้องย้ายไปทำงานที่เมืองเฉิงตู ลู่เจินเจิน จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดเฉิงตูตามคนรักมาด้วย เพียงแต่เป้าหมายในการลงทุนครั้งใหม่ของ เหลียงชิงหราน ดันเป็นหอชวนไป๋ร้านอาหารเก่าแก่ของครอบครัว กู้ม่านถิง (Li Chun) เพื่อนสนิทของ ลู่เจินเจิน เธอเลยตกอยู่ตรงกลางระหว่างคนรักและมิตรภาพความทรงจำวัยเด็ก

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Review: Love Like The Galaxy (2022)

Love Like The Galaxy (2022) ดาราจักรรักลำนำใจ

#Drama #Historical #romance
Director: Fei Zhen Xiang
Screenwriter: Zou Yue, An Yi Mo
      เฉิงเส้าซาง (จ้าวลู่ซือ) ลูกสาวของนายกองทหารเฉิงสื่อ (เกาเทา) และ เซียวหยวนอี (เจิ้งหลี) ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบหน้าพ่อแม่สักครั้ง เพราะหลังจากคนเป็นแม่คลอดออกมาก็ทิ้งเธอให้ย่ากับน้าสะใภ้เลี้ยงดู เมื่อทั้งพ่อและแม่ต่างมีภาระหน้าที่ในแนวหน้าของสงคราม เนื่องด้วยราชวงค์ใหม่เพิ่งก่อตั้งบ้านเมืองยังไม่สงบ เพียงแต่ชีวิตของ เส้าซาง กลับไม่สุขสบายสมเป็นคุณลูกคุณหนูนายทหาร คนเป็นย่าและน้าสะใภ้กลั่นแกล้งสารพัดหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนหัวแข็งทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด

ไม่เว้นกระทั้งขายความลับญาติของตัวเองให้กับแม่ทัพหลิงปู้อี๋ (อู่เหล่ย) ที่กำลังตามสืบการทุจริตอาวุธในกองทัพเพื่อเอาคืนคนในครอบครัว หลิงปู้อี๋ เป็นลูกบุญธรรมคนโปรดของฮ่องเต้คนปัจจุบัน แม้ เฉิงเส้าซาง ที่กล้ารักกล้าเกลียดไม่มีความเป็นกุลสตรีกลับถูกใจของ หลิงปู้อี๋ ยิ่งนัก แต่หลังจากบ้านเมืองเริ่มสงบลงกลับมีเหตุให้ทั้งสองคนต้องคลาดกัน เมื่อ เฉิงเส้าซาง ยังไม่รู้จักความรักเลือกจะใช้ชีวิตกับ โหล่วเหยา (หยูเฉิงเอิน) คนที่เหมือนเพื่อนและยอมให้เธอทุกอย่าง

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Review: Drawing Closer (2024)

Drawing Closer (2024) วาดรัก…จนกว่าจะหมดเวลา

#Drama #Romance Director: Takahiro Miki
Writer: Aoi Morita (novel), Tomoko Yoshida
      อากิโตะ ฮายาซากะ (Ren Nagase) นักเรียนมัธยมปลายที่เหมือนฟ้าฝ่าลงกลางหัว เพราะตอนนี้ที่แค่อายุสิบกว่าปีก็ได้รับข่าวร้ายว่าตัวเองป่วย เหลือเวลาใช้ชีวิตอีกเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ในตอนที่กำลังยืนคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำไปมาบนดาดฟ้าโรงพยาบาล อากิโตะ ก็ได้พบกับ ฮารุนะ ซากุไร (Natsuki Deguchi) สาวน้อยที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ที่นั่น อากิโตะ ที่เดินเข้าไปทักทายจึงได้รู้ว่า ระยะเวลา 1 ปีของตัวเองดูจะมากเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบ ฮารุนะ ที่เหลือเวลาเพียงแค่ 6 เดือน เธอกลับสดใสดูไม่เหมือนกับคนที่จะอยู่ได้อีกไม่นาน ทำให้ อากิโตะ ไม่กล้าบอกออกไปว่าตัวเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากเช่นกัน จากวันนั้น อากิโตะ เลยกลายเป็นแขกเยี่ยมไข้ขาประจำของห้อง 231 ห้องผู้ป่วยของ ฮารุนะ

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: Bokura wa Koi ga Hetasugiru (2020)

 Bokura wa Koi ga Hetasugiru (2020) พวกเราน่ะห่วยเรื่องความรัก

  • Director: Sakamoto Eiryu
  • Screenwriter: Uchida Hiroki

      ฟุจิวาระ ฮานะ (คาวาชิมะ ยูมิกะ) สาวออฟฟิศที่กำลังตรอมใจหลังจากถูกแฟนบอกเลิก พยาบาลสาวเพื่อนซี้ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม อย่าง คาตายามะ มิซุกิ (อาซากาวะ นานะ) ก็เลยชวนเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนต่างเมือง ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้มันทำให้ทั้งสองคนได้พบ นาริตะ โยสุเกะ (ชิราสุ จิน) กับ อิชิโนเสะ อายุมุ (ชิโอโนะ อากิฮิสะ) สองหนุ่มเพื่อนสนิทที่ โยสุเกะ ก็มีชะตากรรมไม่ต่างจาก ฮานะ เมื่อเขาก็เพิ่งถูกแฟนบอกเลิกมาเหมือนกัน นั่นจึงทำให้บทสนทนาระหว่าง ฮานะ กับ โยสุเกะ มีความน่าอึดอัดใจ สวนทางกับ มิซุกิ ที่ดูเหมือนว่าจะสนใจในตัวพ่อหนุ่ม โยสุเกะ 

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: Beyond Evil (2021)

 Beyond Evil  (2021) 

  • Screenwriter: Kim Soo Jin
  • Director: Shim Na Yeon

      อีดงชิก (ชินฮากยุน) นายตำรวจเลือดบ้าแห่งสถานีตำรวจย่อยในมันยาง เมืองเล็ก ๆ ที่ผู้คนติดหล่มอยู่กับอดีตอันเลวร้าย เมืองที่คนในอยากออก ส่วนคนนอกก็ไม่มีใครสนใจจะย้ายเข้ามา แล้วในวันหนึ่งใครจะไปคิดว่านายตำรวจดาวรุ่งอย่างสารวัตรฮันจูวอน (ยอจินกู) หัวกะทิของโรงเรียนตำรวจ จะอาสาย้ายเข้ามาทำงานที่สถานีย่อยในมันยาง แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนประหลาดใจ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นตำรวจหนุ่มที่มีอนาคตเท่านั้น ฮันจูวอน ยังเป็นลูกชายของ ฮันกีฮวาน (ชเวจินโฮ) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่เป็นว่าที่ผู้บัญชาการคนต่อไป จุดประสงค์การมาที่มันยางในครั้งนี้ของ ฮันจูวอน คู่หูคนใหม่ จึงคลุมเครือในสายตาของ อีดงชิก  

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: All of Us Are Dead (2022)

 All of Us Are Dead (2022) มัธยมซอมบี้

  • Screenwriter: Chun Sung Il
  • Director: Lee Jae Gyoo

      ซีรีส์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมฮโยซาน ซึ่ง อีบยองชาน (Kim Byung Chul) ครูสอนวิทยาศาสตร์เกิดอุตริทำการทดลองสุดสยองขึ้นมา เพราะอยากจะให้ลูกชายของตัวเองที่มักโดนรังแกตอบโต้กลับไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ของการทดลองกลับกลายเป็นการสร้างไวรัส ที่เปลี่ยนให้คนติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงทั้งโรงเรียนแปรสภาพกลายเป็นนรกบนดิน เมื่อทั้งครูและนักเรียนกลายเป็นฝูงซอมบี้กระหายเลือด นักเรียนที่เหลือรอดชีวิตจึงต้องพยายามทำทุกทางเพื่อเอาตัวรอด เพียงแต่การเป็นแค่เด็กมัธยม แล้วต้องมาเอาชีวิตรอดท่ามกลางฝูงห่าซอมบี้ มันก็กดดันบีบคั้น จนทำให้การตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ผลลัพธ์มันก็ออกมาอิหยังวะได้เหมือนกัน

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้

Screenwriter & Director: Jo Il Hyung

      ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความร้อนแรงของ K-Zombies ได้เลย เมื่อหนังซอมบี้สัญชาติเกาหลีใต้ที่สร้างออกมานั้น สามารถการันตีได้ในขั้นแรกเลยว่าจะทำออกมาสนุกตื่นเต้นแน่นอน เพราะหนัง K-Zombies นั้นนำเอาจุดเด่นของซอมบี้ยุคใหม่มาใช่เป็นแกนหลัก ที่มีความโหด ความรวดเร็ว โจมตีกันเป็นฝูง แถมยังไวต่อเสียงเรียกได้ว่าหากเหล่ามนุษย์ในหนังซอมบี้เกาหลีอยากจะมีชีวิตรอดล่ะก็ ต้องสับตีนแตกหรือไม่ก็เก็บตัวนิ่ง ให้เงียบที่สุดเท่านั้น

เช้าธรรมดาวันหนึ่งของ จุนอู (ยูอาอิน) เด็กหนุ่มที่ตัดสินใจโดดเรียนนั่งเล่นเกมอยู่ในอพาร์ทเมนท์ ต้องกลายเป็นวันที่เขาจะจดจำไปชั่วชีวิต เมื่อทั้งเมืองที่เขาอาศัยอยู่นั้น เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสลึกลับที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ ด้านหนึ่งมันก็กลายเป็นความโชคดีในการโดดเรียนของ จุนอู ในคราวนี้ ที่ทำให้เขาไม่ต้องออกไปเผชิญหน้าเหล่าซอมบี้ แต่อีกด้านมันก็ทำให้เขาติดอยู่ในอพาร์ทเมนท์เพียงลำพัง ท่ามกลางเหล่าเพื่อนบ้านที่กลายเป็นซอมบี้กันไปหมดแล้ว

จุนอู ใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันเพียงเพราะหวังว่าความช่วยเหลือจะมาถึง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป จุนอู ก็เริ่มนึกถึงคำบ่นของแม่ ที่มักจะบอกให้เขาออกไปซื้อของมาตุนในตู้เย็น เมื่อในตอนนี้อาหารมันร่อยหลอลงไปทุกที ความหวังในการรอความช่วยเหลือก็ยิ่งลดลงไปทุกขณะ เมื่อดูเหมือนว่าในตอนนี้ ภายนอกก็กำลังเจอกับปัญหาเดียวกันหมด แล้วแบบนี้ จุนอู จะตัดสินใจอย่างไร จะไปตายเอาดาบหน้าหรือจะนอนรอจนกว่าความตายมันจะมาถึงคิวของตัวเอง

หนังซอมบี้จากเกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างมีกระแสความสนใจในไทย ซึ่งตัวหนังเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้จะใช้คำอธิบายว่าอะไรดี คือหนังได้ไอเดียและ Matt Naylor มือเขียนบทมาจากหนังซอมบี้ฝรั่งเรื่อง Alone (2020) มันก็เลยมีอะไรคล้ายกันบ้าง ซึ่งตัวผมยังไม่เคยดูหนังเรื่อง Alone เต็ม ๆ มาก่อนเคยดูแต่ตัวอย่างหนังเท่านั้น เลยไม่ทราบว่ามันมีความแตกต่างหรือคล้ายกันจุดไหนบ้าง รีวิวนี้เลยจะขอกล่าวถึงเฉพาะหนังเรื่องนี้อย่างเดียวก็แล้วกันครับ

แน่นอนว่าจากที่เห็นในตัวอย่างทีแรก หลายคนคงพอดูออกว่าหนังไม่ได้คิดการใหญ่ ฉะนั้นใครที่ติดภาพฝูงห่าซอมบี้พุ่งเข้าโจมตีคนแบบใน Train to Busan และภาคต่อ Peninsula ก็ขอให้ลดความคาดหวังสเกลความใหญ่ความตื่นตาตื่นใจแบบนั้นได้เลยครับ เพราะหนังเรื่องนี้เน้นขายความลุ้นระทึก ตื่นเต้น จากข้อจำกัดของมนุษย์ในการเอาชีวิตรอด ไม่ว่าจะสถานที่ อาหาร การสื่อสารและระยะทาง ที่ตัวละครต้องฝ่าด่านซอมบี้ให้ได้เพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ว่า 

ซึ่งหลังจากที่ผมดูจบบอกได้ว่าแม้ความสนุกตื่นเต้นมันจะไม่ได้พุ่งถึงขีดสุดอะไร แต่ถามว่าหนังทำได้ตามมาตรฐานหนังซอมบี้ที่สนุกซักเรื่องหนึ่งรึเปล่า ผมตอบได้เลยว่าหนังสนุกมีหลายฉากทำให้ลุ้นจนนั่งไม่ติด ในส่วนของซอมบี้ก็ดีไซน์ออกมาในแนวทางเดียวกัน กับใน Train to Busan ดูสยองขวัญ บิดเบี้ยว น่าขนลุกใช้ได้เลยครับ แล้วก็ แม้สเกลหนังจะเล็กแต่ในเรื่องเมคอัพเอฟเฟคของซอมบี้ ก็ออกมาดีไม่ไก่กา การออกแบบฉากจู่โจมของซอมบี้ ก็ทำได้ตื่นเต้นชวนให้คนดูเอาใจช่วยตัวละครได้ดีครับ 

ส่วนในเรื่องของนักแสดงในทีแรกที่เห็นแคส ยูอาอิน กับ พัคชินฮเย ผมก็คิดว่าหนังอาจจะเน้นขายความดราม่า เพราะเลือกนักแสดงสายนี้มารับบทนำ แต่เอาเข้าจริงแม้จะบอกได้ว่านักแสดงอย่าง ยูอาอิน จะทำออกมาได้ดีในส่วนของการแสดง แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาในหนัง มันก็น้อยเกินกว่าที่จะปูดราม่าให้ผู้ชมอินได้มากพอ ในส่วนดราม่าของหนังเลยบอกได้ว่ามันไปไม่สุด ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาที่เป็นกำดักที่หนังสร้างขึ้นมาเอง แต่ส่วนที่ผมถูกใจ จะว่าถูกใจก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เรียกว่าน่าสนใจคงจะใช่กว่าครับ กับเรื่องของคาแรคเตอร์ตัวละคร จุนอู ที่ ยูอาอิน รับบท และ ยูบิน ที่พัคชิยฮเย รับบทบาทนั้นครับ 

เมื่อหนังเลือกให้ จุนอู เป็นเด็กวัยรุ่นในแบบที่เรียกได้ว่า พร้อมจะสร้างวิกฤติซ้ำซ้อนให้กับตัวเองได้ตลอดเวลา เขาใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายผ่านไปวัน ๆ ไม่สนโลกไม่มีการวางแผนอะไร กระทั่งเกิดเหตุการณ์ซอมบี้ระบาดขึ้นมาก็แทบจะเรียกได้ว่า ไม่เหลือแรงบันดาลใจอะไรในการใช้ชีวิตเลย เมื่อต้องอยู่ตัวคนเดียว แต่พอได้เจอกับ ยูบิน ความหวังในการจะมีชีวิตอยู่ มันก็เลยกลับมาอีกครั้ง ตรงนี้ผมไม่แน่ใจนะว่าหนังจงใจสะท้อนชีวิตวัยรุ่นเกาหลีหรือเปล่า แต่ก็ดูมีแนวโน้ม เพราะว่าหนังเองก็เลือกหยิบเอากิมมิกของการสื่อสารในยุคปัจจุบันมาใช้ด้วย พร้อมทั้งแอบใส่ความตลกร้ายของเทคโนโลยีเข้ามาอีก อย่างตอนที่ จุนอู ไม่สามารถรับข่าวสารจากทีวีได้แล้ว เขาจำเป็นต้องฟังจากวิทยุแทน แต่เจ้ากรรมหูฟังสมัยนี้ดันเป็นแบบไร้สาย เลยไม่มีแจ็คเสียบกับช่องหูฟัง หรือการที่เครือข่ายโทรศัพท์ล่ม ก็จำเป็นต้องหันมาใช้วิทยุสื่อสารทดแทน การที่นางเอก ยูบิน มีสกิลการเอาชีวิตรอดได้ดีในช่วงเวลาคับขัน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ หากจะมองว่าหนังหยิบเอามาสะท้อน การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันมันก็คงพอมองได้ครับ

ยิ่งกับการที่หนังออกมาในช่วงโรคระบาด โควิด – 19 ด้วยแล้ว ความห่างระหว่าง จุนอู กับ ยูบิน มันยิ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนเลยว่า มนุษย์เรานั้นยังไงก็เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน ในขณะที่ยังมีคนล้อมรอบอยู่ จุนอู ก็ไม่ได้เห็นคุณค่าอะไรใช้ชีวิตมาลำพังคนเดียว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวจริง ๆ แล้ว มันคนละเรื่องกันเลย เหมือนกับฉากที่มีแสงเลเซอร์จาก ยูบิน ยิงมาที่ตัวเขา นาทีนั้นความอยากตายมันก็หายไปจากหัวสมองเลย

สรุปแล้ว #Alive (2020) เป็นหนังซอมบี้ที่ผมบอกได้ว่าสนุก แต่อย่าคาดหวังเยอะเพราะหนังสเกลเล็กและเน้นขายข้อจำกัดของตัวละคร ในพาทดราม่าก็ทำออกมาได้ไม่สุด แต่ในภาพรวมถือว่าผ่านมาตรฐานหนังซอมบี้ที่ดูเพื่อความบันเทิง บวกด้วยประเด็นต่าง ๆ ในหนังที่ผมกล่าวไป แม้จะไม่ได้ขับเน้นออกมาชัดเจนจับต้องได้มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนที่แต่งแต้มสีสันความแปลกใหม่ให้กับหนังได้พอสมควรครับ


วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: Criminal Minds (2017)

Criminal Minds (2017) อ่านเกมฆาตกร

#Action #Mystery #Drama
Director: Yang Yun-Ho, Lee Jung-Hyo
Writer: Hong Seung-Hyun
      NCI หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรของเกาหลี ที่หัวหน้าทีมอย่างคังกีฮยอง (Son Hyun-Joo) ตัดสินใจหันหลังให้กับองค์กร หลังจากไม่สามารถหยุดยั้งมือวางระเบิดได้จนเกิดความสูญเสียมากมายตามมา ปัจจุบันเขากลายมาเป็นเจ้าหน้าที่บรรยายพิเศษตามสถานศึกษา ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นได้เกิดคดีลักพาตัวหญิงสาวต่อเนื่องขึ้นมา แต่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีกลับมองไม่เห็นถึงความเชื่อมโยง มีเพียงแค่นักสืบคิมฮยอนจุน (Lee Joon-Gi) เท่านั้นที่กำลังตามไล่ล่าคนร้าย

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง

#Drama #Romance
Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang
Screenwriter: Wong Lei Chi
      หมิงเวย (หลี่หลานตี๋) สถาปนิกมือใหม่ที่มีความสนใจงานสถาปัตยกรรมจีนยุคเก่า โดยเฉพาะพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้าม เธอไม่ได้รับโอกาสจากหัวหน้าซึ่งเธอเองก็ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร งานที่ได้ทำมักกลายเป็นงานเอกสารที่ไม่เกี่ยวกับการออกแบบ เหมือนครั้งนี้ที่เธอต้องไปค้นหาเอกสารที่พระราชวังกู้กง จนทำให้เธอได้พบกับผู้อาวุโสคนหนึ่งซึ่งมอบโคมไฟโบราณมาให้ โคมไฟโบราณอันนั้นได้สร้างปาฏิหาริย์ให้เธอได้พบกับองค์ชายสิบสาม (หวังอันอวี่) แห่งราชวงศ์ชิง เขามีส่วนช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับโปรเจคใหม่ของบริษัทที่เธอได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมออกแบบ ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองภพพัฒนากลายเป็นความรัก ซึ่งคราวนี้กลับไม่ใช่องค์ชายสิบสามที่ต้องข้ามเวลามาพบเธอ เมื่อ หมิงเวย ได้ข้ามภพสวมรอยเป็นลูกสาวขุนนางใหญ่ ที่ตกอยู่ท่ามกลางการแข่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: My Favorite Girl (2020)

 My Favorite Girl (2020) เธอคนโปรด

#Comedy #Romance Screenwriter & Director: Tamada Shinya
      คาโตะ ยูสุเกะ (Watanabe Daichi) หนุ่มนักเขียนบทละครโทรทัศน์ ที่มีเพื่อนซี้เป็นสาวช่างภาพสุดติสต์อย่าง ซาเอกิ มิโฮะ (Nao) เขาและเธอมักใช้เวลาร่วมกันเสมอไม่ว่าจะกินข้าวเดินเล่นหรือนั่งดื่มด้วยกัน แม้ต่างฝ่ายต่างมีสถานะเป็นเพื่อนที่รู้ใจ แต่นอกจากการใช้เวลาเที่ยวเล่นสนุกไปด้วยกัน ทั้งสองคนก็แทบไม่มีอะไรร่วมกันเลย เพื่อนสนิทของทั้งสองคนต่างไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา ความรู้สึกของ มิโฮะ คนภายนอกอาจมองได้ไม่ชัดเจน แต่ความรู้สึกของ ยูสุเกะ ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขาชอบเพื่อนสนิทคนนี้ แต่การกลัวจะสูญเสียมิตรภาพไปเลยทำให้ ยูสุเกะ ตัดสินใจขังตัวเองอยู่ในเฟรนด์โซน

หนังญี่ปุ่นที่พูดถึงความชอบที่มีต่อใครสักคน แต่กลับไม่มีความกล้าจะพูดออกไป อีกฝ่ายเลยกลายเป็นแค่คนโปรด ไม่ใช่คนรัก หนังไม่เชิงพูดถึงการพลาดจังหวะโอกาสในการสารภาพความรู้สึก แม้ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นว่าทั้งสองคนสนิทสนมหยอกล้อกัน สายตาที่มีให้กันเหมือนจะแอบเกินเพื่อนสนิท แต่ฝั่ง มิโฮะ ก็ไม่ชัดเจนมากเท่ากับ ยูสุเกะ เลยเหมือนเป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ ยูสุเกะ ฝ่ายเดียว

หากเราชอบใครสักคนแต่ติดอยู่ในสถานะไม่ชัดเจน คงสะดุดกับบางสถานการณ์ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะตอนไปเที่ยวด้วยกันสองคนแล้วบังเอิญเจอเข้ากับคนรู้จัก ในสถานการณ์ที่เราต้องแนะนำอีกฝ่ายที่มาด้วยว่าเป็นใคร คือถ้าบอกว่าเป็นเพื่อนก็เหมือนโดดเข้าไปในเฟรนด์โซนทันที แต่จะแนะนำว่ามีความสัมพันธ์มากกว่านั้น แล้วอีกฝ่ายไม่คิด สถานการณ์ก็จะอึดอัดอีกแบบหนึ่ง

การที่เราอยากจะให้ของขวัญธรรมดาสักชิ้นยังต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตีความหมายของขวัญที่ว่าแบบไหน เหมือน ยูสุเกะ ที่ซื้อเค้กไปแสดงความยินดีในงานแสดงภาพถ่ายของ มิโฮะ แต่กลับไม่ให้เธอตั้งแต่เริ่มจนจบงานกลับบ้าน ต้องเดินถือถุงเค้กติดตัวตลอดเพราะไม่มีความกล้ามากพอ หรือฉากที่ต้องเดินกันสามคนแล้ว ยูสุเกะ ที่อยู่ในสถานะเพื่อน จะค่อย ๆ เดินช้าลงจนถอยห่างออกมาเรื่อย ๆ ที่สุดแล้วอีกอย่างหนึ่งคือมักจะกล้าพูดถึงความรู้สึกที่มีกับคนอื่น แต่ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าที่คนชอบ

ผมชอบประเด็นของหนังนะ ส่วนหนึ่งเพราะบางสถานการณ์ในหนังมันทำให้นึกย้อนถึงเรื่องที่ลืมไปแล้ว ว่าเออครั้งหนึ่งเราก็เคยมีเพื่อนผู้หญิงคนโปรดอยู่เหมือนกันนะ คือนานมาก แล้วก็แค่ช่วงสั้น ๆ แค่นั้น ไม่ได้ติดต่อไม่ได้เจอกันนานมาก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ใช่คนโปรดแต่คงจะเป็นคนแปลกหน้า เดินสวนก็คงจำกันไม่ได้กันไปแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า

การเล่าเรื่องของหนังก็ตามสไตล์หนังนอกกระแส ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่อง ใช้วิธีเล่าผ่านสถานการณ์ที่ตัวละครเจอ เพื่อสื่อสารของใจความของหนัง ถามว่าสนุกไหมบอกได้ว่าไม่สนุก แต่ก็มีเสน่ห์ตามสไตล์หนังนอกกระแส ในการดูรีแอคของตัวละครที่มันสื่อความหมายในฉากนั้น ตอนจบของหนังอาจจะชวนเหวอสักนิด เอาจริงก็พอตีความได้ไม่เกินสามทาง แต่ส่วนตัวคิดว่าด้วยอาชีพของ ยูสุเกะ ความเป็นไปได้จริง ๆ น่าจะเหลือแค่บทสรุปเดียว

#MovieReview #รีวิวหนัง

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: First Love (2022)

 First Love (2022) วุ่นนักโจทย์รักแรก

#Romance #Comedy Director: Shen Qin Yuan
      หลูหวานหว่าน (เถียนซีเวย) นักศึกษาภาควิชาเวชศาสตร์คลีนิค ม.ชิงเหยา เธอมักจะมีปัญหาเรื่องเรียนจนเกิดผลกระทบต่อการสอบ แต่เพราะความตั้งใจตามเพื่อนซี้ผู้ชายที่แอบรักข้างเดียวมาเรียน ทำให้อย่างน้อยก็ประคับประคองมาได้ถึงสองปี หลังจากแอบรักมาเนิ่นนาน หลูหวานหว่าน ตัดสินใจจะลาขาดจากรักข้างเดียวด้วยการประกาศจีบ เริ่นชู (หวังซิงเยว่) หนุ่มเนิร์ดเดือนมหาลัยสุดฮอต

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2567

Review: Dali & the Cocky Prince (2021)

 Dali & the Cocky Prince (2021)

  • Director: Lee Jung-Sub
  • Writer: Son Eun-Hye, Park Se-Eun

      จินมูฮัก (Kim Min-Jae) ทายาทเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ Dondon F&B. ธุรกิจร้านอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนก้าวสู่ระดับนานาชาติ ด้วยการต่อสู้ชีวิตทำงานมาตั้งแต่อายุน้อยเขาจึงยึดถือเงินเป็นเรื่องสำคัญ แล้วถ้าเป็นเรื่องอาหารหรือการดำเนินธุรกิจเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร แต่เพราะต้องทำงานตั้งแต่อายุน้อย จินมูฮัก ก็เลยไม่ค่อยประสีประสา ในเรื่องหนังสือหนังหาหรือความรู้รอบตัวสักเท่าไหร่ เมื่อต้องไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ เลยเกิดเรื่องโอละพ่อเข้าใจผิดกันขึ้น แต่เรื่องบังเอิญชวนหัวนั้นก็ทำให้ จินมูฮัก ได้พบกับ คิมดาลี ผู้ดูแลศูนย์แสดงศิลปะ จนเกิดอาการปิ๊งปั๊งกันขึ้นมา 

Review: One In A Hundred Thousand (2020)

  One In A Hundred Thousand (2020) ใจดวงนี้แสนรักเธอ #ปีนรั้วรีวิว   #Drama   #Romance  Director: Koichiro Miki       ริโนะ ซากุรางิ (ไทระ ย...