When A Wolf Falls In Love With A Sheep (2012)

When A Wolf Falls In Love With A Sheep (2012) หนุ่มช่างฝันกับสาวละเมอรัก
#ปีนรั้วรีวิว #Romance #Comedy

      เราจะสามารถรอคนรักของเราได้นานแค่ไหน หากเรากลายเป็นเหมือนสิ่งของที่ถูกทิ้งลืมไว้ในตู้ล็อคเกอร์ โดยที่เจ้าของไม่กล้าพอที่จะหยิบออกไปโยนทิ้ง เพียงแค่ปล่อยให้ของสิ่งนั้นอยู่ในตู้ล็อคเกอร์….ถูกปิดผนึกลืมทิ้งไว้ในแบบนั้น

      อาตง เด็กหนุ่มที่ชอบนอนตื่นสาย ซึ่งเขาโดนแฟนทิ้งด้วยการเขียนโน้ตบอกเพียงว่า….เธอไปเรียนพิเศษ แปะไว้บนหัวเตียง ซึ่งเวลาก็ผ่านไปเนินนานแล้วแต่เธอก็ไม่กลับมาซะที 555 🤣 อาตง เป็นคนที่เชื่อในเรื่องสถิติต่างๆเขาเชื่อว่า แม้คนเราจะได้เจอคนใหม่ๆมากหน้าหลายตา เฉลี่ยแล้ว 47 คนต่อวัน แต่การจะได้เจอความรักแท้มีความเป็นไปได้แค่ 1 ในล้านล้าน!?🤔 

      และ อาตง ก็เชื่ออย่างสนิทใจจึงเลือกมาทำงานที่ร้านถ่ายเอกสารบนถนน หนานหยาง ย่านที่ได้ชื่อว่ามีผู้คนหนาแน่นเยอะที่สุดในไต้หวัน โดยหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ทำให้เขาได้เจอแฟนเก่าที่ทิ้งเขาไปโดยที่เขียนโน๊ตทิ้งไว้เพียงใบเดียวอีกสักครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะขอร้องให้เธอกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง

      แต่การที่ อาตง ได้มาทำงานที่ร้านถ่ายเอกสาร ซึ่งลูกค้าหลักของร้านก็คือ โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งที่ทำให้ อาตง ได้รู้จักกับ เสี่ยวหยาง เด็กสาวที่มีความฝันอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูน ซึ่งเธอมักจะวาดเรื่องราวของเจ้าแกะน้อย🐑ลงมาในกระดาษข้อสอบที่ อาตง ต้องรับหน้าที่ถ่ายเอกสาร ด้วยความนึกสนุกขึ้นมา อาตง ก็เลยวาดรูปเรื่องราวของเจ้าหมาป่า🐺ตอบกลับไป 

      แต่ เสี่ยวหยาง เองก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมาป่านั้นที่แท้จริงคือใคร เรื่องราวของเจ้าหมาป่ากับแกะน้อยนี่เอง ก็เลยกลายเป็นเรื่องฮิตของวัยรุ่นที่ไปเรียนกวดวิชาแถวนั้นไปโดยปริยาย แต่เรื่องราวของทั้งสองคนที่เหมือนจะลงตัวง่ายๆมันกลับไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อ เสี่ยวหยาง ก็ไม่ต่างกับ อาตง ที่อยู่ที่นั่นเพื่อรอการกลับมาของใครบางคนอยู่เหมือนกัน

***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***
**

      การถูกบอกเลิกมันอาจจะเป็นเรื่องน่าเศร้านะ แต่ผมว่ามันยังน่าเศร้าน้อยกว่าการถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่บอกอะไร อาตง เองที่ไปทำงานร้านถ่ายเอกสาร แต่วันหนึ่งที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ไปเอาของในตู้ล็อกเกอร์ของโรงเรียนกวดวิชา กลายเป็นว่าตัวเองต้องไปเจอข้าวของที่ถูกทิ้งลืมไว้เยอะแยะมากมาย 

      อาจจะด้วยความที่ตัวเองก็เหมือนถูกลืมทิ้งไว้เหมื่อนกัน   เขาจึงพยายามพาของเหล่านั้นคืนให้กับเจ้าของเดิมของมัน โดยที่อาตงก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวเขาจะอยากได้ข้าวของเหล่านั้นกลับคืนมาหรือไม่

      อาตงกับเสี่ยวหยาง ก็เหมือนคนหัวอกเดียวกันมาเจอกันนั่นแหละ ต่างฝ่ายต่างเหมือนสิ่งของที่ถูกทิ้งลืมไว้ในตู้ล็อคเกอร์ ที่อยากจะกลับคืนสู่เจ้าของเดิม โดยที่ไม่ได้คิดหรืออาจจะกำลังโกหกตัวเองอยู่ว่าเจ้าของอาจจะยังอยากได้คืน ทั้งที่ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้วถ้าเขายังอยากได้คืนเขาจะลืมเราทิ้งไว้แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า แต่อย่างน้อย เสี่ยวหยาง เองก็ยังดีที่มีการตั้งกำหนดเวลาในการรอของตัวเองเมื่อเธอจะรอเขาเพียงแค่เธอนับ 1-100 ครบเท่านั้น (แต่ไม่รู้นับยังไงน๊านนาน 555)

      พล็อตหลักของหนังเรื่องนี้พูดถึงการที่บางครั้งเมื่อสิ่่งของอาจจะไม่ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิม บางทีมันก็เพียงแค่หาเจ้าของใหม่เท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าเจ้าของใหม่อาจจะดูแลได้ดีกว่าก็ได้ เพราะบางทีเมื่อเจ้าของเดิมเขาได้เจอกับของที่ต้องการชิ้นใหม่แล้ว ไอ้ของเก่าอย่างเราเขาอาจจะไม่ได้มานั่งคิดถึงเราเหมือนที่เรากำลังคิดถึงเขาอยู่ในตอนนี้

      เหมือนกับ จองหงวน เจ้าหมาน้อย🐕ที่เจ้าของจ้างให้ อาตง ช่วยตามหา แต่วันนึง จองหงวน กลับได้เจอกับเจ้าของใหม่ และเจ้าของเดิมก็ได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่เช่นกัน เพียงแต่เราเองที่เป็นคนไม่ใช่สิ่งของหรือว่าเจ้าหมาน้อยอย่าง จองหงวน ที่จะเปลี่ยนเจ้าของได้ง่ายๆ เพราะคนเรามีความคิดความรู้สึก เจ็บปวดได้เศร้าเสียใจก็เป็น😢 มันก็คงไม่ง่ายที่จะแค่ลืมคนเก่าที่เคยรักกันแล้วก็เดินหน้าหาคนใหม่ในทันที 

      แต่ก็อีกนั่นแหละเมื่อถึงวันหนึ่งเราก็จะรู้ได้เองว่าเราควรจะรอ….หรือควรจะพอแค่เพียงเท่านี้เหมือนกับ พ่อค้าขายข้าวผัด หน้าโรงเรียนสอนพิเศษ ที่แม้อาจจะยังไม่เจอกับเจ้าของใหม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะหยุดรอและเปิดหน้าสร้างคุณค่าให้ตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป

      และรหัสรักอย่าง 1314 หรือ “รักเธอตลอดไป” อาจจะเป็นคำสัญญาที่ถูกลืมง่ายๆโดยบางคน แต่ถ้าเราเปิดใจบางครั้ง 1314 หรือคำว่า “รักเธอตลอดไป” อาจจะมีใครสักคนที่สามารถทำให้คำสัญญานี้เป็นจริงกับเราได้อีกครั้ง

      สรุปแล้ว When A Wolf Falls In Love With A Sheep (🐺❤️🐑)เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวออกมาได้น่ารักมาก ดูแล้วฟินแน่นอน แม้เนื้อหาจะเล่าแบบเบาๆง่ายไปหน่อย แต่แง่คิดที่สอดแทรกลงมาในหนังก็ค่อนข้างดีและทำออกมาได้ลงตัวเลยนะ

#MovieReview #รีวิวหนัง