วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Bluebeard (2017)

Bluebeard (2017) ฆาตกรรมอำฆาตกร
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller Director: Soo-youn Lee

      ซึงฮอน (Jin-Woong Cho) หมอที่เพิ่งย้ายจากโซลมาทำงานคลินิกในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่ระยะหลังเริ่มมีข่าวคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้งเหมือนกับในอดีต งานประจำของเจ้าตัวไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นการตรวจภายในให้กับผู้สูงอายุ ซึงฮอน อาศัยอยู่ชั้นบนของอพาทเม้นต์ที่ชั้นล่าง ซองกึน (Dae-Myung Kim) เจ้าของตึกเปิดเป็นร้านขายเนื้อปิ้งย่าง ในวันหนึ่งที่พ่อของซองกึน (Goo Shin) มาตรวจภายในที่คลินิกผิดเวลานัด

ด้วยความเป็นผู้เช้าห้องที่ดี หมอซึงฮอน จึงรับอาสาเป็นคนอยู่ตรวจเอง แม้จะเกินเวลามาแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ ซึงฮอน ได้ยินจากการที่ พ่อของซองกึน ละเมอพูดขึ้นมาเพราะฤทธิ์ยาสลบ ทำให้เขาแทบสติหลุด เมื่อพ่อซองกึนพูดถึงเหตุฆาตกรรมที่เคยลงมือทำมาก่อน ไม่ว่าจะวิธีการหรือกระทั่งที่ซ่อนชิ้นส่วนของเหยื่อ


      หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาหมอซึงฮอนพยายามจะทำตัวเป็นปรกติทุกอย่าง แต่เขากลับไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาได้ เมื่อเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่พ่อของ ซองกึน พูดจะเป็นความจริง และพวกเขายังเก็บชิ้นส่วนศีรษะของเหยื่อฆาตกรรมเอาไว้ในบ้าน เพียงแต่แทนที่หมอซึงฮอน จะพยายามหลีกหนีจากคนพวกนี้เขากลับ จมดิ่งลงไปในภาพหลอนที่เขาเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่า สิ่งไหนคือจริงสิ่งไหนเท็จ

เคยได้อ่านรีวิวผ่านตามาว่า Bluebeard (2017) เหมือนได้ไอเดียบางอย่างจากหนังสยองขวัญของ Sion Sono อย่าง Cold Fish (2010) เจือมาบ้าง พอได้ดูก็รู้สึกว่าจริงตามนั้นนะ เพียงแต่เอาจริงก็หยิบมานิดเดียว แถมเป็นไอเดียที่เอามาใช้เพื่อสับขาหลอกคนดู มากกว่าการเอามาใช้ให้เป็นประเด็นหลักที่มีผลต่อเนื้อเรื่อง แต่ไม่สปอยละกันว่าจุดไหนเผื่อคนที่ไม่เคยดู Cold Fish (2010) จะได้ดูแบบหัวโล่งๆไม่ต้องจับประเด็นอะไรมาคิด

      ส่วนตัวผมเองตอนที่ยังดูไม่ถึงตอนจบ มีรู้สึกเซ็งเบื่อบ้างเหมือนกันนะ กับความไม่มีอะไรของหนัง คือแต่ละฉากแต่ละซีนหนังเน้นที่ความหลอน ความสับสนในตัวเองของหมอซึงฮอน เป็นหลัก ฉากฆาตกรรมความสยองขวัญอะไรต่างๆมันเลยมีน้อยมากๆ พูดง่ายๆว่าตลอดทั้งเรื่องหนังปูเหตุการณ์ต่างๆเพื่อนำไปใช้ในตอน(เกือบ)จบเท่านั้

แต่พอดูจนถึงจบเรื่อง(แบบจบจริงๆ)รู้สึกชอบหนังขึ้นมาพอสมควรเลยนะ รู้สึกว่าที่หนังมันปูมามันได้ผลจริงๆ ได้สตั๊นไปสองดอกสามดอก เพียงแต่พลังการเฉลยแต่ละดอก มันออกจะเรื่อยๆมาเรียงๆ ทั้งทีหักมุมมันค่อนข้างดี เจ๋ง เลยนะ ว่าไปอารมณ์ตอนเฉลยคล้ายๆ Forgotten (2017) เหมือนกันนะ คือพล็อตหักมุมดี แต่เล่ายาวยืดเยื้อจนจืดไปหน่อย

      โจจินอุง ที่รับบทเป็น หมอซึงฮอน ก็เล่นได้ดีมาก คือซ่อนปมของตัวเองได้มิดชิดดี ตอนดูเราไม่สงสัยอะไรอย่างอื่นเลย นอกเหนือจากสิ่งที่หนังอยากให้เราสงสัย หรือคิมแดมยอง ที่รับบทเป็น ซองกึน ก็แสดงบทบาทตัวละครที่น่าสงสัย แต่เล่นให้ไม่น่าสงสัยได้ดีนะ ความยากของตัวละครนี้คือ แสดงให้ตัวละครที่เข้าฉากด้วยกันในเรื่องไม่สงสัยพฤติกรรม แต่การแสดงที่ว่านั้น ต้องทำให้คนดูสงสัยตัวละครนี้ ซึ่งเจ้าตัวตอบโจทย์บทนี้ได้ดีจริงๆ
      ถามว่าคนเราปรกติทั่วไป อยู่ดีๆจะกลายเป็นฆาตกรไปได้ยังไง ก็เหมือนคำพูดของตัวละครนักสืบเกษียน โจคยองฮวาน (Young-chang Song) นั่นแหละที่บอกว่า “ฆาตกรไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย ทุกคนต่างมีสัตว์ร้ายอยู่ข้างใน แต่ต้องควบคุมมันให้อยู่เท่านั้นเอง” คนทุกคนล้วนมีโอกาสกลายมาเป็นฆาตกรด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะมีอะไรเป็นแรงผลักดัน ความรัก ความโลภ ความโกรธแค้น ความกลัว หรือกระทั่งการตกกระไดพลอยโจน ทุกอย่างล้วนเป็นแรงผลักหากไม่สามารถควบคุมสติ คนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นฆาตกรได้

สำหรับ Bluebeard (2017) ส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบความบันเทิงแบบ ระทึกขวัญ ตื่นเต้น เท่าไหร่นะ หนังไม่ได้มีฉากไล่ล่า ฉากโหดเลือดสาดอะไร แต่หากเป็นคนที่ชอบแนว ลึกลับ หลอนๆ สับขาหลอก แยกจริงเท็จยากหน่อยน่าจะถูกใจ เพราะหนังเองเรื่อยๆมาเรียงๆค่อยๆผูกปมความสงสัยทีละเล็กทีละน้อยให้คนดูได้ติดตาม ก่อนที่ท้ายเรื่องจะคลี่คลายปมออกมาว่าความจริงคืออะไร

      สรุปแล้ว Bluebeard (2017) ฆาตกรรมอำฆาตกร หากมองเป็นหนังระทึกขวัญ ลึกลับ ชวนสงสัย หนังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แล้วก็ตอบโจทย์ของตัวเองในแง่มุมนี้ได้ แต่ใครที่ชอบแนว ระทึกขวัญบันเทิง ไล่ล่า เลือดสาด อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ หากถามความเห็นส่วนตัวผมเองถือว่าชอบเลยนะเรื่องนี้ คือชอบเพราะตอนจบสุดท้ายจริงๆนี่แหละ

#MovieReview #รีวิวหนัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...