Shiawase no Pan (Bread of happiness) (2012) ขนมปังแห่งความสุข aka Shiawase no pan
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Comedy Director: Yukiko Mishima
“ไม่ต้องสุขมากๆ ขอแค่สุขน้อยๆแต่สุขนานๆ”
"คำจำกัดความของหนังเรื่องนี้ ที่น่าจะเรียกว่าเป็นมินิซีรี่ย์สามตอนสั้นๆ มากกว่าที่จะเป็นหนังเรื่องยาว"
ริเอะ มิตซุชิมะ (Tomoyo Harada) และ ซัง มิตซุชิมะ (Yô Ôizumi) สองสามีภรรยาที่เคยใช้ชีวิตหนักหนาและวุ่นวายในโตเกียวมาก่อน ตัดสินใจหันเข็มทิศชีวิตมุ่งตรงมาที่ ทสึคิอุระ เมืองเล็กๆใน ฮอกไกโด เพื่อเปิดโรงแรมและร้านกาแฟเล็กที่ชื่อ มะนิ ตามคาแรคเตอร์ในนิยายภาพที่ ริเอะ ชื่นชอบ ทั้งสองคนต่างคอยต้อนรับผู้คนที่แวะเวียนมาใช้บริการ ด้วยกาแฟที่หอมหวานจากฝีมือ ริเอะ และขนมปังร้อนๆจากเตาด้วยฝีมือของ มิตซุชิมะ
แต่สิ่งที่คนมาพักในโรงแรมเล็กๆแห่งนั้นได้กลับไป มันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าแค่การอิ่มท้องและนอนหลับสบาย เมื่อสองสามีภรรยาหยิบยื่นประสบการณ์ความสุขเล็กๆน้อยๆให้ ซึ่งมันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ได้รับ ให้ได้รู้ว่าความสุขอยู่ใกล้ตัวเราแค่ไหน และไม่จำเป็นต้องมีความสุขมากมาย แค่ขอให้ความสุขน้อยๆนั้นอยู่กับเราไปนานๆก็พอ
หนังฟีลกู๊ดที่เรียกได้ว่ามองอะไรก็เป็นบวกไปเสียหมด แต่ก็ไม่ใช่บวกแบบโลกสวย แต่เป็นมุมมองบวกของคนที่มีประสบการณ์ ผ่านเรื่องราวผ่านปัญหามาก่อนจึงมองด้วยสติและแก้ไขมัน
***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***
**
ไซโตะ สาวสวยพนักงานห้างในโตเกียวที่จำใจต้องมาพักที่ มะนิ เรียกได้ว่าเธออาจจะเป็นกระจกสะท้อนคู่สามีภรรยาเจ้าของโรงแรม เมื่อเธอต้องเจอกับปัญหามากมายในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ผู้คนต่างใส่หน้ากากเข้าหากันซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น จน ไซโตะ เริ่มเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว การได้มาพักในสถานที่สวยงามในเมืองเล็กๆที่ผู้คนต่างเป็นมิตร
ได้รู้จักคนดีได้แก้ไขปมความรู้สึกในใจของตัวเอง มันก็ช่วยให้เธอมีแรงกลับไปสู้กับเมืองใหญ่อีกครั้ง ในตอนนี้หนังยังเล่าเรื่องราวสองมุม ระหว่างคนที่เบื่อเมืองใหญ่อย่าง ไซโตะ และอีกหนึ่งตัวละครที่เบื่อเมืองเล็ก และรู้สึกว่าตัวเองไม่กล้าที่จะก้าวออกไปจาก คอมฟอร์ทโซน (comfort zone) ของตัวเองเพื่ออกไปเผชิญโลกอีกด้วย
มิคุจัง เด็กน้อยที่มีปัญหาครอบครัวบางอย่าง จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นมา เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งและโดดเดี่ยว ยิ่งกับการเห็นครอบครัวอื่นมีความสุขมันก็ยิ่งย้ำแผลในใจ แต่ มิคุจัง ก็ได้ ริเอะและมิตซุชิมะ มอบความสุขเล็กๆให้กับเธอและคนที่เหลือในครอบครัว แม้บางอย่างจะเหมือนการตอกย้ำเรื่องเศร้า แต่เราก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริงเมื่อเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ เราก็แค่ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วจูงมือกันก้าวต่อไปข้างหน้ากับคนที่ยังอยู่ข้างๆเรา
ซาคาโมโตะซังและภรรยา คู่รักที่ครองชีวิตคู่มาจนถึงวัยชรา ตัดสินใจฝ่าพายุหิมะเดินทางมาพักที่ มะนิ เพื่อรำลึกความหลังดูพระจันทร์ด้วยกัน เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีโอกาส สองสามีภรรยาคู่นี้เหมือนคนที่ไม่เหลือแรงบันดาลใจอะไรในชีวิตแล้ว แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ทั้งสองคนสูญเสียแทบทุกอย่างที่สำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะความฝันหรือคนสำคัญ แต่ก็เป็น ริเอะกับมิตซุชิมะ ที่เอาจริงๆก็ทำได้แค่ดูแลทำที่สามารถทำได้
แล้วก็เป็นเพราะความรักที่ทั้งสองสามีภรรยามีให้กัน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและคิดว่า ความฝันมันเริ่มใหม่ได้ตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ทำให้คนเรา เห็นความสำคัญของการทำความดีเล็กๆน้อยๆ การมีน้ำใจให้กับคนรอบข้าง หรือคนที่กำลังเจอกับความทุกข์กับปัญหานะ บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องโดดไปกลางวงเป็นฮีโร่ เพื่อแก้ปัญหาชีวิตให้กับใครหรอก แค่การหยิบยื่นน้ำใจเล็กน้อยให้รู้ว่าสังคมนี้มันยังน่าอยู่ คนที่ได้รับก็คงมีแรงกำลังใจ ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ยอมรับความจริงที่เกิดและมองโลกในแบบที่มันเป็นอย่างเข้าใจได้
ในแง่มุมความบันเทิงของหนังอาจจะมีไม่มากนะ ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นแหละเดินเรื่องเรื่อยๆช้าๆ แต่ส่วนตัวเรื่องนี้ด้วยความที่มันเหมือนเป็นเรื่องสั้นสามตอน เลยทำให้มันมีอะไรใหม่ๆมาตลอด ขณะดูเลยไม่มีความรู้สึกเบื่ออะไรนะ ถือว่ากำลังดูได้เพลินๆให้แง่คิดมุมมองที่ดี อาจจะไม่ถึงกับเรียกได้ว่าอิ่มอกอิ่มใจ กับความสุขในหนังจนหัวใจพอง เพราะหนังไม่ได้ใส่อีโมชั่นเยอะ จนเราอินไปกับตัวละครขนาดนั้น แต่ก็ตามธีมที่หนังพยายามนำเสนอนั่นแหละ “คนเราไม่จำเป็นต้องสุขมากหรอก ขอแค่ความสุขน้อยๆ แต่อยู่กับเราไปนานๆก็พอแล้ว”
สรุปแล้ว Bread of happiness (2012) ขนมปังแห่งความสุข เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ ฟีลกู๊ด มีแง่คิดมุมมองที่ดี แล้วก็อยู่กับความเป็นจริงนะ เรียบง่ายแต่ไม่โลกสวยเกินไป ความบันเทิงอาจจะมีไม่มากแต่ก็ไม่น่าเบื่อ
#MovieReview #รีวิวหนัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น