วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Seven Years of Night (2018)

Seven Years of Night (2018) ทวงแค้นคืนบาป
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller #Drama Director: Chang-min Choo

      จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ หมู่บ้านเซรยองที่ตั้งของเขื่อนและทะเลสาบ ซึ่งมีข่าวลือถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติว่าเป็นทะเลสาบกินคน โอยองเจ (จางดงกิน) หมอผู้ทรงอิทธิพลในหมู่บ้านที่ขับรถกลับมาถึงบ้านด้วยความหงุดหงิด เมื่อระหว่างทางเขามีปัญหากับรถอีกคันของ ชเวฮยอนซู (รยูซึงรยง) ด้วยความที่ โอยองเจ เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงจน ซอยอง เมียของเขาหนีออกจากบ้านไป โอเซรยอง ลูกสาวของเขา จึงต้องกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพ่อแทน เพียงแต่ครั้งนี้ เซรยอง ไม่ยอมทนกับการถูกพ่อใช้ความรุนแรงอีกต่อไป เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้าน

เพียงแต่การวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตมันกลับทำให้เธอต้องจบชีวิตลง เมื่อมีรถคันหนึ่งขับมาชนเธอเข้าอย่างจัง และแทนที่เจ้าของรถคันนั้นจะพยายามช่วยชีวิต เซรยอง เขากลับแบกเอาร่างของไปโยนทิ้งลงในทะเลสาบ และพยายามกลับไปใช้ชีวิตปรกติของตัวเอง ทว่าคนทำผิดยังไงซะก็ไม่มีทางสงบสุข เมื่อความรู้สึกผิดมันคอยตามหลอกหลอน และที่มากไปกว่านั้น แม้ โอยองเจ จะเป็นพ่อที่ไม่ดีซาดิสชอบใช้กำลัง แต่ขึ้นชื่อว่าพ่อเขาไม่มีทางยอมให้ลูกสาวของตัวเองตายฟรีแน่นอน


      กับหนังเรื่องนี้ไม่รู้จะว่ายังไงดีนะ คือดูตั้งแต่ต้นจนจบก็พยายามจับประเด็นว่าหนังพยายามสื่อถึงเรื่อง แม้พ่อบางคนอาจจะไม่ดี แต่ยังไงคนเป็นพ่อก็ต้องพยายามปกป้องลูกด้วยกันทั้งนั้น…หรือเปล่า ที่ลังเลคือ ด้วยปรกติเราจะเห็นหนังที่หยิบประเด็นนี้มาใช้ เรามักจะเห็นภาพพ่อที่ไม่เอาไหน หรือเลวแย่แค่ไหนก็ตาม แต่นั่นคือเขาเอามันไปใช้กับคนอื่น แต่กับหนังเรื่องนี้ พ่ออย่าง โอยองเจ กลับใช้ความรุนแรงทั้งกับเมียและลูก มันเลยออกจะดูแปลกๆหน่อยหากจะนำเสนอประเด็นด้วยตัวละครนี้

ส่วนตัวละคร ชเวฮยอนซู เองก็แทบไม่ต่างจาก โอยองเจ หรอก เขาเองก็เป็นพ่อและสามีที่ไม่ค่อยได้ความเท่าไหร่ บางครั้งที่น็อตหลุดก็ยังใช้กำลังกับเมียให้ ซอวอน (โกกยองพโย) ลูกเห็นด้วยเหมือนกัน และที่เหมือนกับ โอยองเจ อีกอย่างนึงก็คือ เขาพยายามทำทุกทางเช่นกัน เพื่อปกป้องลูกของตัวเอง แม้จะต้องแลกกับตราบาปหรือชีวิตใครมากมายแค่ไหนก็ตาม

      เมื่อย้อนไปถึงปูมหลังของตัวละคร ฮยอนซู เขาก็มีพ่อที่แทบไม่ต่างจากตัวเขาเองหรือ โอเจยอง ที่ชอบใช้กำลังกับคนในบ้าน มันจึงแทบจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น หนังจึงมีฉากที่ ฮยอนซู ใช้กำลังกับเมียต่อหน้าลูกชาย ขณะเดียวกันกับที่ตัวเองได้นึกย้อนไปถึงภาพในอดีตวัยเด็กของตนเอง ที่ต้องเห็นภาพพ่อใช้กำลังกับคนในครอบครัว จึงทำให้เขาได้สติขึ้นมา

จากฉากนี้มันจึงมองได้ว่า หากเราไม่อยากส่งต่อความรุ่นแรงจากรุ่นเราไปสู่รุ่นลูก เราเองก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัว หรือกระทั่งกับคนอื่นให้ลูกเห็น หนังยังหยิบประเด็นนี้มาขยี้ต่อด้วย ในช่วงวัยรุ่นของ ซอวอน ที่เขาต้องถูกสังคมตราหน้าว่าจะต้องเป็นเหมือนพ่อของตัวเอง

      Seven Years of Night (2018) ส่วนตัวคิดว่าหนังทำออกมา แม้จะยังอยู่ในมาตรฐานความระทึกขวัญบันเทิงตามแบบฉบับเกาหลีอยู่ แต่สารภาพเลยว่าส่วนตัวไม่บันเทิงไปกับหนังเท่าไหร่ คือไม่แปลกใจเลยที่คะแนนใน imdb ถึงได้แค่ 5.9 คะแนนระดับนี้ เอาจริงแม้คนโหวตจะเพิ่งร้อยกว่าคนก็ตาม หนังไม่ค่อยมีอิมแพ็คกับความรู้สึก ประเด็นในหนังก็ดูคลุมเครือยังไม่ชัดเจนเท่าไหร

ยิ่งกับหนังล้างแค้นแนวๆนี้ หนังมักจะทำออกมาในมุมเทาๆชวนหน่วงอารมณ์ ไม่มีใครผิดถูกไปซะทั้งหมด แต่กับเรื่องนี้ดูจะไม่ใช่แบบนั้นเลย จากชื่อนักแสดงหรือกระทั่งการแสดงของแต่ละคนในเรื่องแล้ว ยิ่งเสียดายวัตถุดิบดีๆ ไม่ว่าจะ จางดงกัน รยูซึงรยง และโกกยองพโย แต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทุกคน แต่ภาพรวมของหนังกลับไปไม่สุดทางเท่าไหร่

      สรุปแล้ว Seven Years of Night (2018) เป็นหนังที่ขอใช้คำว่ากัดฟันให้ผ่านมาตรฐานหนังทริลเลอร์เกาหลีก็แล้วกัน ส่วนตัวไม่ประทับใจแต่ก็ไม่ถึงขั้นเสียดายเวลา มันก็พอมีความบันเทิงอยู่บ้างตามสมควร แม้หนังจะเล่าแบบไม่ลำดับเวลาก็จริง แต่ก็นำเสนอแบบไม่ได้ซ่อนหรือปกปิดเหตุการณ์อะไร มันก็เลยไม่มีจุดพีคหรืออะไรให้ว้าว ตรงนี้แหละที่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้หนังสนุกไม่สุด

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...