Finding Mr. Right (2013)

Finding Mr. Right (2013) ข้ามฟ้ามาเติมรัก
#ปีนรั้วรีวิว #Romance Director: Xiaolu Xue

      เหวินเจียเจีย (Wei Tang) สาวจีนที่อุ้มท้องมาอเมริกา เพื่อหวังคลอดลูกที่นี่ด้วยความจำเป็นบางอย่าง แต่แค่วันแรกที่มาถึงก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อ แฟรงค์ (Xiubo Wu) คนขับรถดันพาเธอไปส่งบ้านรับฝากท้องเถื่อนที่กำลังถูกตำรวจเข้าจับกุม ทั้งสองคนที่รอดตัวออกมาได้หวุดหวิด จึงต้องเปลี่ยนสถานที่รับฝากท้องแห่งใหม่ เป็นบ้านของ คุณนายฮวง ชาวไต้หวัน ที่กำลังดูแลคนท้องอยู่ก่อนหน้าแล้วอีกสองคนด้วยความที่ เจียเจีย เป็นคนเจ้าเรื่องเจ้าราว มักจะใช้เงินเปย์ทุกสิ่งอย่างเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตัวเอง จึงทำให้เป็นที่ไม่ชอบหน้าของคนในที่อาศัยใต้ชายคาเดียวกัน

จะมีก็แต่ แฟรงค์ คนขับรถคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ดูจะอดทนกับความวีนความเหวี่ยงของเธอได้อยู่คนเดียว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เวลาที่ เจียเจีย มีปัญหาอะไรก็มักจะนึกถึง แฟรงค์ ก่อนใครเสมอ อีกทั้ง เจียเจีย ก็ได้เรียนรู้ว่า เงินอาจจะไม่ใช่ความสุขทุกอย่างในชีวิตจาก แฟรงค์ และ แฟรงค์ ก็ได้เรียนรู้ว่า บางครั้งเราก็ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อครอบครัวบ้าง หากอยากจะรักษาคนที่รักเอาไว้

      เป็นหนังจีนที่ต้องบอกว่าฮอลิวู้ดจ๋ามากๆ เอาจริงหนังก็ชัดเจนในแนวทางแต่ต้นแล้วว่า ใช้หนังรักโรแมนติก ฮอลิวู้ดยุค 90s อย่าง Sleepless in Seattle (1993) มาเป็นกิมมิคให้กับหนังเรื่องนี้ ฉะนั้นไม่ว่าจะงานภาพ แสงสี บรรยากาศ มุมกล้องต่างๆนานา คือมันใช่เลย จะมีก็แต่นักแสดงหลักของเรื่องเท่านั้นที่เป็นคนจีน เป็นหนังที่น่าจะตอบโจทย์ คนที่คิดถึงหนังโรแมนซ์ยุค 90s ได้ดีเรื่องนึงเลยล่ะ

เนื้อเรื่องของหนังแม้จะเป็นเรื่องของการข้ามน้ำข้ามทะเล มาคลอดแบบไม่ถูกต้องเท่าไหร่ แถม เจียเจีย เองก็มีลูกอยู่ในท้องกับใครบางคนที่อยู่เมืองจีน แล้วต้องมาตกหลุมรักผู้ชายอีกคน ในขณะที่ท้องป่องอยู่ ฟังเนื้อเรื่องคราวๆมันก็แหม่งๆชวนหน่วงอยู่เหมือนกันนะ แต่เมื่อดำเนินเรื่องผ่านไปหนังก็สร้างสถานการณ์สร้างข้อจำกัด ความจำเป็นต่างๆให้กับตัวละครได้ดี ตอนดูเราจึงไม่มีความรู้สึกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันแปลกหรือหน่วง ที่คนท้องมีลูกมีสามีอยู่แล้วไปตกหลุมรักใครอีกคน

      มุมที่หนังสื่อชัดเจนอย่างแรกเลยก็คือ เรื่องเงินทอง เจียเจีย ที่เคยมีหน้าที่การงานที่ดี ตัดใจคบกับใครบางคน ที่พร้อมเปย์ให้เธอได้ทุกอย่าง แต่เมื่อเธอได้มารู้จักกับ แฟรงค์ ผู้ชายที่ใครๆอาจจะมองว่าเป็น Loser แต่ความเป็น Loser ของ แฟรงค์ คือการที่เขายอมแพ้ให้กับคนที่เขารัก ไม่ว่าจะเมียหรือว่าลูกสาว กลายเป็นผู้ชายที่ดูไม่ได้เรื่อง ในสายตาคนอื่นเพื่อครอบครัว เหมือนกับประโยคที่ เจียเจีย บอกกับ แฟรงค์ว่า นายเป็นคนดีนะ ภรรยาต้องรักนายมากแน่ๆ แต่คำตอบที่ได้มามันกลับกัน เมื่อภรรยาบอกกับ แฟรงค์ ว่าเขาเป็นคนน่าเบื่อ ไม่โรแมนติก

      มันเป็นอะไรที่พูดยากนะ แล้วแต่ทัศนคติของคนจะมองในแบบไหน บางคนก็ว่าเป็นพวก Loser ขี้แพ้ไม่เก่ง เป็นผู้ชายแต่เป็นช้างเท้าหลังไม่ประสบความสำเร็จ จืดชืด เป็นคนดีแต่เหมาะจะเป็นแค่เพื่อนแค่พี่ชาย แต่มันก็ตามชื่อหนังนั่นแหละ Finding Mr. Right เพราะคนเราไม่เหมือนกัน และชอบอะไรไม่เหมือนกัน มันจึงต้องค้นหาคนที่ใช่คนที่พอดีกับใจ เหมือนกับ เจียเจีย ที่มีผู้ชายพร้อมเปย์เงินทองให้เธอทุกอย่าง แต่ที่เธอได้มันก็แค่นั้นแค่เงินจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความอบอุ่นความเอาใจใส่ เธอกลับไม่เคยได้มันเลย

      หนังเองก็ไม่ได้ตัดสินว่ามีเงินคือผิด หรือจนคือพิสูจน์รักแท้อะไรหรอก เพราะที่สุดแล้วไม่มีอะไรสุดโต่งไปในทางใดทางหนึ่งแล้วพอดีหรอก สังคมโลกมันก็ขับเคลื่อนด้วยเงิน เพียงแต่เราก็ต้องค้นหาคนที่พอดีกับใจ หรือว่าค้นหาสมดุลระหว่าง เงิน งาน ความสุข แล้วก็ครอบครัวให้เจอเท่านั้นเอง หลังจากดูจบส่วนตัวค่อนข้างชอบหนังนะ คืออย่างแรกได้บรรยากาศหนังรัก 90s ด้วย แล้วไม่ว่าจะพล็อตเรื่องราวมันก็ดี มีทั้งความแปลกแล้วก็ให้แง่คิดด้วย

Finding Mr. Right หรือ Finding Ms. Right หากใครเจอคนที่ใช่แล้วก็คงโชคดี ส่วนคนที่เจอแล้วไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า ก็คงต้องปรับหรือเริ่มต้นหากันใหม่ ส่วนคนที่อยากมีแต่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็คงต้องหากันต่อไป หรือใครที่ไม่อยากหา แล้วคิดว่าตัวเราเองนี่แหละ คือคนที่ใช่สำหรับตัวเราเองแล้ว มันก็คงไม่ผิดนักหากจะอยู่ตัวคนเดียว แต่ใครจะไปรู้ล่ะขนาด เจียเจีย ยังมาเจอคนที่ใช่เอาตอนท้องป่อง คนที่ร่ำร่ำอยากอยู่คนเดียว อาจจะเจอคนที่ใช่ตอนข้ามทางม้าลาย หรือเดินสะดุดยอดหญ้าล้มไปซบอกใครเข้าก็ได้จริงมั้ย ฮ่าฮ่า

      สรุปแล้ว Finding Mr. Right (2013) ข้ามฟ้ามาเติมรัก เป็นหนังรัก โรแมนติก ที่พล็อตแปลกดีเหมือนจะชวนหน่วงแต่ก็ไม่นะ หนังสนุกดูเพลิน ไม่มีช่วงน่าเบื่อ นักแสดงเล่นดีตามคาแรคเตอร์ตัวเอง หนังมีภาคต่อที่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกันแต่นักแสดงนำพระนางคู่เดิม ไว้หากมีโอกาสได้ดูจะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งนึง

#MovieReview #รีวิวหนัง