วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Let Me Eat Your Pancreas (2017)

Let Me Eat Your Pancreas (2017) ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance Director: Shô Tsukikawa

      ไม่รู้ว่าระหว่างคนที่รู้ว่ากำลังจะตายจากคนที่รัก  กับคนที่รู้ว่าคนที่รักกำลังจะตายจากไป  แบบไหนมันเจ็บปวดมากกว่ากัน  แต่ที่แน่ๆเมื่อความตายมาถึงความรู้สึกเจ็บปวดของคนที่ตายมันก็สิ้นสุดลงแล้ว  เหลือแต่คนที่ยังอยู่  ต้องแบกรับกับความรู้สึกสูญเสียให้ได้และมีชีวิตอยู่ต่อไป
      ฮารุกิ ครูหนุ่มที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ในการช่วยจัดระบบของห้องสมุดโรงเรียน  หน้าที่ที่เขาไม่ค่อยเต็มใจจะรับมันซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้  สาเหตุก็เพราะโรงเรียนที่เขาสอนอยู่ปัจจุบันนี้ก็คือโรงเรียนเดียวกับที่เขาเคยเรียนสมัยมัธยม  และห้องสมุดมันก็เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของตัวเองในอดีต
      ฮารุกิ (Takumi Kitamura) เด็กหนุ่มที่เป็นคนเงียบขรึมเก็บตัวกิจวัตรประจำวันของเขาคือ การทำหน้าที่กรรมการของห้องสมุด  เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสุงสิงข้องเกี่ยวกับใคร  วันหนึ่งที่เจ้าตัวไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดไส้ติ่งก็บังเอิญเจอสมุดบันทึกร่วมโรคเล่มนึงเข้า  ภายในบันทึกเขียนว่าเจ้าของสมุดเล่มนั้นกำลังจะตายในอีกไม่นาน  แต่ไม่ทันจะได้อ่านหน้าต่อไปเจ้าของสมุดอย่าง ซากุระ (Minami Hamabe) ก็มาทวงบันทึกเล่มนั้นคืน  ก่อนที่จะทักทายในฐานะที่ ฮารุกิ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนและเล่าเรื่องอาการป่วยของตัวเองให้เขาฟัง 
      ซึ่งพ่อหนุ่ม ฮารุกิ กลับไม่รู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน  นั่นเลยทำให้ ซากุระ คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่รับฟังเรื่องราวของเธอและเก็บความลับนี้เอาไว้ได้  การพบกันครั้งนี้ของทั้งคู่มันเลยเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่มีเส้นชัย เมื่อ ซากุระ พยายามใช้เวลาช่วงสุดท้ายเพื่อ ฮารุกิ เด็กผู้ชายที่ทั้งชีวิตไม่คิดจะมีเพื่อน และ ฮารุกิ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกหรือเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับ ซากุระ ได้  เมื่อเธอกำลังจะตายในอีกไม่ช้า

      กับความคิดเห็นของคนอื่นไม่รู้ว่ายังไงนะ….แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้เป็นหนังที่เล่าเรื่องความสูญเสียได้เพลินที่สุดเรื่องนึง แม้เราจะรู้ว่าจุดจบมันจะลงเลยอย่างไรก็จริง แต่หนังก็สามารถทำให้เราไม่ต้องไปผะวงกับตอนจบของหนังได้  แต่อีกด้านหนึ่งมันทำให้เกิดความรู้สึกตายใจกับความรู้สึกเพลินนี้  จนในตอนจบของหนังมันก็ทำให้เรารู้ว่า"เวลา"มันสำคัญแค่ไหน….จงอย่าตายใจกับความสุขที่เราคิดว่าจะได้มา  แต่ยังคว้าไว้ในมือไม่ได้

      ฮารุกิ จริงแล้วก็เป็นเด็กหนุ่มที่หาได้ทั่วไป เป็นคนสันโดษไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และที่สำคัญคนแบบนี้ก็มักจะถูกเข้าใจผิดเสมอ คนในแบบ ฮารุกิ น่าจะเรียกได้ว่าหากไม่เจอกับ ซากุระ ชาตินี้ก็คงไม่มีเพื่อนกับเขาหรอก 

      ซึ่ง ฮารุกิ ที่ยกให้ ซากุระ สวยเป็นอันดับที่(เท่าไหร่ดีน้า)ของห้อง รู้ว่าตัวเองจะรักคนที่กำลังจะตายไม่ได้ และ ซากุระ เองก็รู้ว่าทั้งคู่คงไปไม่ได้ไกลกว่านั้น ในเมื่อแฟนก็เป็นไม่ได้  แต่ก็อยากให้สำคัญมากกว่าเพื่อน  เธอจึงยกให้ ฮารุกิ เป็น”พ่อคนสนิท”(ชอบคำนี้) แล้วการที่ทั้งสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน  มันก็ทำให้มีบางคนไม่พอใจขึ้นมานั้นก็คือ เคียวโกะ เพื่อนซี้ของ ซากุระ ที่กำลังคิดว่าตัวเองโดนแย่งความรักจากเพื่อนไป

      "ความตาย" มันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของหนัง ที่ทำให้เรามองเห็นความสำคัญของเวลา แต่สิ่งที่หนังดูจะสื่อสารเป็นหลักในเรื่องนี้ก็คือ  การผลักดันให้คนที่เหมือนกับ ฮารุกะ อย่ากลัวที่จะสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น จริงอยู่ที่เราอาจจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้แม้จะไม่มีเพื่อน  แต่การมีเพื่อนมีคนที่เรารักและรักเรามันก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอ

      และอีกสิ่งที่ช่ายยยยเลยโดนใจฉันเลยยยยก็คือ นางเอก ซากุระ ที่รับบทโดย Minami Hamabe ทีแรกก็ว่าคุ้นๆอยู่น้า….นึกหน้าดูดีดีอ้าว นี่มันผี เมนมะจัง จาก Anohana (2015) นี่นา อุตสาห์ปลื้มมาตั้งแต่เป็นผีแล้ว  ได้มาเกิดใหม่ยังมาป่วยโรคตับซะอีกโธ่แม่สาวน้อย มินามิ ฮ่าฮ่า

      สรุปแล้ว Let me eat your pancreas (2017) เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง  ที่เล่าเรื่องความตายได้ไม่เศร้าเลยนะ  แต่อย่างที่ว่า…ความไม่เศร้านี่แหละที่มันทำให้เราตายใจ  มองไม่เห็นความสำคัญของเวลาที่มันเหลือน้อย  ส่วนตัวถูกใจแทบทุกส่วนของหนังเลยนะ  อาจจะมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่ออกจะคิดว่าไม่จำเป็นก็ได้แต่หนังก็ใส่เข้ามา  จริงๆมันก็ปูไปหาเหตุผลต่างๆของ ซากุระ นั่นแหละที่มันจะบอกให้รู้ว่าทำไมถึงสนใจผู้ชายอย่าง ฮารุกะ

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...