วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Sunny (2011)

Sunny (2011) เพื่อนซี้…มีไว้ทำไม 🌞🌞
#ปีนรั้วรีวิว #Comedy #Drama Director: Hyeong-Cheol Kang

      เป็นหนังที่เห็นหน้าหนังทีแรกทั้งตัวอย่างและโปสเตอร์  สาบานเลยว่ามันชั่งไม่น่าดึงดูดให้ดูเลยจริงๆ ตอนตัดสินใจดูก็คิดว่าคงเป็นหนังย้อนวัยใสๆไม่มีอะไรมาก แต่พอได้ดูจริงๆบอกได้เลยว่าโคตรดีงามเลยเรื่องนี้ เป็นหนังที่ย้อนวัยที่ว่ากันถึงเรื่องของเพื่อนล้วนๆ  มีติ่งความรักค้างคาใจเจือผสมมาแบบนิดหน่อยเท่านั้นเอง
      นามิ (Ho-jeong Yuแม่บ้านสาวใหญ่ที่ใช้ชีวิตง่ายๆ  ด้วยการดูแลลูกสาวที่โตขึ้นก็ชักทำตัวห่างเหินกันไปทุกวัน  กับดูแลสามีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ  แม้เขาจะงานยุ่งและห่างเหินในบางครั้ง  แต่ก็ยังทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ดี  วันหนึ่งที่ นามิ ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล  เธอบังเอิญมองเข้าไปเห็นคนไข้ในห้องพยาบาลห้องหนึ่ง  กำลังร้องครวญครางด้วยความทรมานจากอาการป่วยโรคมะเร็ง และเมื่อเธอมองที่ป้ายชื่อห้องก็ต้องรู้สึกสะดุดใจ  เพราะคนป่วยคนนั้นคือ ชุนฮวา (Hee-kyung Jinเพื่อนซี้หัวหน้าแก็งค์สมัยเรียนมัธยมที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ในวันถัดมา นามิ จึงตัดสินใจเข้าไปเยี่ยมเพื่อนเก่า ซึ่ง ชุนฮวา ยังจำนามิได้ดีไม่เปลี่ยน และสิ่งที่ ชุนฮวา ขอให้ นามิ ช่วยก่อนที่เธอจะตายก็คือ อยากให้แก๊งค์ Sunny กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
      หนังย้อนวัยที่ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของเหล่าเพื่อนสาว  ที่แต่ละคนก็มีนิสัยและพื้นฐานครอบครัวแตกต่างกันไป อย่าง นามิ (Eun-kyung Shimเองที่เป็นเด็กบ้านนอก  การต้อนรับจากเพื่อนใหม่ในชั้นเรียนจึงกลายเป็นตัวตลกไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะสำเนียงเหน่อ หรือกระทั่งการแต่งตัวแสนเชยของเธอเอง ซึ่งหัวโจกประจำห้องอย่าง ซางมิ (Woo-hee Chunมักจะแกล้งเธออยู่เสมอ ก็มีแต่ ซุนฮวา (So-ra Kangนี่แหละที่ปกป้องและอ้าแขนตอนรับ นามิ จนทำให้เธอได้เข้ามาร่วมกลุ่มกันกับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น กึมอุค (Bo-ra Namบ็อคฮี (Bo-mi Kimจินฮี (Jin-joo Parkจางมิ (Min-yeong Kimและซูจี (Hyo-Rin Minรวมตัวกันในชื่อ Sunny
      เพื่อนทั้ง 7 คนที่ผ่านเรื่องราวต่างๆด้วยกันมากมาย  ไม่ว่าจะการนัดตบ(แต่ไม่เคยได้ตบ)กับโรงเรียนคู่อริ หรือการที่บางคนในกลุ่มไม่ยังไม่ให้การยอมรับ นามิ ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง  จนเพื่อนในกลุ่มแตกคอกัน  ซึ่งประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาทั้งดีและร้าย  มันเลยหล่อหลอมให้ความรักระหว่างเพื่อนมันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  แต่ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่อเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับบางคนในกลุ่ม จนทำให้ นามิ และคนที่เหลือต้องแยกย้ายกันไปเดินตามทางของตัวเอง
      มันก็เลยไม่ใช่เรื่องง่ายที่ นามิ จะสามารถตามหาเพื่อนคนที่เหลืออีก 5 คนให้ทันก่อนที่ ซุนฮวา จะหมดเวลาเสียก่อน และความยากอีกอย่างหนึ่งก็คือ  เมื่อเจอเพื่อนแล้วมันไม่ใช่ว่าเจ้าตัวจะสะดวกใจมาพบเสมอไป เมื่อต่างคนก็ต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งไม่ใช่ว่าเพื่อนทุกคนจะมีชีวิตที่ดี ร่ำรวย เหมือนกันกับ นามิ ใครบางคนในอดีตที่เราอาจจะมองว่ามีความพร้อมในชีวิตหรือตั้งความฝันไว้สูง พวกเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จกับชีวิตได้ทุกคน
      แต่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนต่อให้ไม่เจอกันนานขนาดไหนหากรักกันจริง ภาพจำในความรู้สึกของเรามันก็คงไม่ต่างจากเมื่อวาน ต่อให้มีความกระอักกระอวนใจที่ต้องเจอในสภาพที่ไม่พร้อมจะพบกัน ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนที่รักกันจริงจะหันหลังให้กันได้แน่ๆ แม้อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ให้ความช่วยเหลือก็ตาม หากแค่ทักทายกันด้วยความจริงใจ  ไม่ทับถมกันมันก็เติมพลังใจให้เพื่อนได้เยอะแล้ว

      หนังเองมีโมเมนต์อะไรน่ารักๆเกรียนๆหลายอย่าง  ซึ่งไม่อยากจะหยิบเอามาสปอยมากนัก เพราะอยากจะให้คนที่ยังไม่ได้ดูได้ซึมซับกับเนื้อหาได้เต็มที่ เอาจริงส่วนตัวก็ว่าหนังมันจบโลกสวยเกินไป แต่ก็อย่างว่าธีมหนังมันนำด้วยคอมเมดี้  ก็เลยอาจจะโลกสวยแฮปปี้เอนดิ้งกันไป

      สรุปเลยแล้วกันว่า Sunny (2011) เป็นหนังย้อนวัยที่ดีงามเรื่องนึงเลยนะแนะนำให้ดูกัน อาจจะได้นึกย้อนไปถึงวัยเรียนและเพื่อนซี้ของทุกคน จนอาจจะอยากนัดรวมตังมีทติ้งเม้าท์มอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอีกครั้งก็ได้

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...