วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Say “I love you”. (2014)

Say “I love you”. (2014) พูดว่ารักกับฉันซิ
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Romance
      อีกหนึ่งปมความรักที่ทำให้คนเราไม่กล้าที่จะมีความรัก หรือกระทั่งไม่กล้าแสดงความรักที่มีต่อกันก็ความคำว่า “คู่ควร” นี่แหละ บางครั้งที่คนเราอาจจะมีความไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา ฐานะ หรือว่าการศึกษา สิ่งเหล่านี้ด้านหนึ่งมันก็เป็นกำแพงทางสังคมพออยู่แล้ว และมันก็ยังเป็นสิ่งที่บั่นทอนความกล้าที่เราจะเอ่ยคำว่า”รัก”กับใครสักคน

      ทาจิบาน่า เมอิ เด็กสาวที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีความรัก และพยายามที่จะหลีกหนีสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เพราะเธอคิดว่าเพื่อนในโรงเรียนนั้นไม่สามารถไว้ใจได้ เพราะเมื่อเกิดเรื่อง…พวกนั้นก็มักจะเอาตัวรอดกันเสมอ และการที่ เมอิ ไม่มีเพื่อนนี่เองก็เลยทำให้เธอมักจะกลายเป็นเป้าหมายหลักให้เพื่อนๆแกล้ง ซึ่งวันนี้ เมอิ ก็ไม่พ้นที่จะโดน นากานิชิ เพื่อนในโรงเรียนแกล้งเข้าอีกจนได้ 


      แต่ในวันนี้ เมอิ กลับเป็นฝ่ายเอาคืนได้อย่างเจ็บแสบ แค่บังเอิญว่าคนที่เจ็บแสบดันกลายเป็นเพื่อนของ นากานิชิ อย่าง ยามาโตะ หนุ่มฮอตประจำโรงเรียนรับบาทาไร้เงาของ เมอิ ไปแทน แต่พอได้ลิ้มรสรองเท้านักเรียนของ เมอิ เข้าไปแล้ว ยามาโตะ ก็เหมือนโดนสะกดจิต หลงเสน่ห์ของ เมอิ เข้าอย่างจัง และพยายามตามตื้อ ทำความรู้จักกับ เมอิ เพื่อให้เธอเปิดใจรับเขาเข้าไปอยู่ในนั้น

      ขณะที่ดูหนังเรื่องนี้ในใจก็คิดอยู่อย่างนึง ถ้าจะจูบกันถี่ขนาดนี้ไปเปิดห้องเลยดีกว่ามั้ย 555 เป็นหนังที่พระเอกอย่าง ยามาโตะ จูบนางเอกถี่ยิบ เรียกว่าถ้าเป็นชีวิตจริง เมอิ คงปากเปี่อยแน่ๆ

      ช่วงนี้ได้ดู Live Action จากมังงะ ที่เป็นหนังรักวัยใสบ่อยๆ เอาจริงๆสารภาพเลยว่าแม้หลายๆเรื่องจะสนุกและดูเพลิน บางเรื่องเราก็ฟินกับความรักกับบทสรุปของหนังได้ แต่มันก็ยังไม่ได้มีอิมแพ็คกับความรู้สึกของเราถึงขนาดที่ว่าสร้างความประทับใจได้

      อย่างเรื่องนี้เองผลที่ได้ก็ออกมากลางๆดูได้เรื่อยๆ แต่หนังก็มีประเด็นที่น่าพูดถึงอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกก็ความรักที่มีคำว่าคู่ควร ความเหมาะสม มาเป็นเครื่องวัดใจอย่างที่เกริ่นไปตอนต้น กับอีกเรื่องนึงก็คือการแกล้งกันหรือบูลลี่กันในโรงเรียน  ซึ่งทั้งสองตัวละครเอกของเรื่องก็มีประสบการตรงทั้งสองคน 

      เมอิ นั้นเมื่อสมัยเรียนประถมเธอเองเคยถูกเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นใส่ความในสิ่งที่ไม่ได้ทำ และเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆนอกจากจะไม่มีใครช่วยเธอแล้ว หนำซ้ำยังช่วยกันโกหกรุมใส่ร้ายเธอ ทำให้หลังจากเหตุการณ์นั้น เมอิ เลยกลายเป็นคนที่ไม่ไว้ใจเพื่อนในโรงเรียนอีกต่อไป เพราะเธอมองว่าทุกคนก็มักจะกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองอยู่เสมอ

      ส่วน ยามาโตะ เมื่อสมัยเรียนประถมก็เคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่อ่อนแอ และมักจะถูกเพื่อนคนอื่นๆในโรงเรียนกลั่นแกล้งเสมอ แม้ตัวเขาเองจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเด็กคนนั้น แต่ทุกครั้งที่เพื่อนโดนกลั่นแกล้ง ยามาโตะ เองก็กลับเพิกเฉยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จนสุดท้ายเพื่อนคนนั้นของเขาก็ต้องย้ายโรงเรียนออกไปเพื่อหนีปัญหา ซึ่งปมปัญหานี้ของทั้งสองคนเองมันเลยเชื่อมโยงคนทั้งคู่เข้าหากัน เพื่อแก้ไขเรื่องราวต่างๆ

      แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าก็คือ เมอิ คิดว่าตัวเธอเองไม่เหมาะสมกับ ยามาโตะ ที่เป็นหนุ่มฮอต เพราะเธอเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเหมือนใครๆ ยิ่งถ้าเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ยามาโตะ แล้ว ความแตกต่างของทั้งสองคนจะเริ่มเด่นชัดขึ้น  เมื่อ ยามาโตะ มีโอกาศได้รับงานถ่ายแบบลงนิตยสาร ก็ยิ่งทำให้เขากลายเป็นที่สนใจในหมู่สาวๆมากขึ้นไปอีก นี่เองก็เลยเป็นปมปัญหาที่ทั้ง เมอิและยามาโตะ ต้องแก้ไขเพื่อผ่านเรื่องราวต่างๆไปให้ได้

      สรุปแล้ว Say”I Love you” เป็นหนังรักฟินๆที่นางเอกของเรื่องน่าจะปากช้ำจากการถูกจูบอย่างถี่ยิบ ซึ่งสาวๆน่าจะชอบกับฉากความโรแมนติกเหล่านี้ได้ พร้อมทั้งหนังยังมีประเด็นทั้งเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และปัญหาความไม่เหมาะสมกันของคู่รักที่จะต้องผ่านปัญหาไปด้วยกัน

#MovieReview #รีวิวหนัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019)

Dreaming Back to the Qing Dynasty (2019) ฝันคืนสู่ต้าชิง #Drama   #Romance Director: Lee Kwok Lap, Wai Hong Chui, Chen Shu Liang Screenwrite...