Will You Be There? (2016)

Will You Be There? (2016) อัศจรรย์รักข้ามเวลา
#ปีนรั้วรีวิว #Romance #Drama

      อีกหนึ่งคำถามโลกแตก “หากย้อนเวลาได้คุณจะกลับไปแก้ไขอดีตหรือเปล่า” มันก็เป็นคำถามที่ทั้งตอบง่ายแล้วก็ยากนะ ขึ้นอยู่กับเรื่องราวแล้วก็สถานการณ์ รวมทั้งประสบการณ์ชีวิตในขณะนั้นด้วย ตัวผมเองเมื่อก่อนก็เคยคิดนะถ้าหากสามารถย้อนเวลาได้จริงก็อยากจะกลับไปแก้ไข้เรื่องในอดีตที่เคยทำผิดพลาด 

      แต่ตอนนี้หากทำได้ก็คงไม่คิดที่จะกลับไปแก้ไขอะไร คือแม้ทุกอย่างในชีวิตเรามันอาจจะไม่ดีไปซะทั้งหมดก็จริง แต่เราในตอนนี้ที่ได้เจอทั้งเรื่องร้ายและดี มันก็ช่วยทำให้เราได้โตขึ้นในทุกวัน แล้วก็จะพยายามที่จะไม่ทำผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้ง

      แต่ก็อีกนั่นแหละ…ในอนาคตใครจะไปรู้ว่าเมื่อประสบการณ์ชีวิตของเราเปลี่ยนไป วันข้างหน้าเราอาจจะอยากกลับไปเปลี่ยนอดีตอีกครั้งก็ได้

      ฮันซูฮยอน หมอจากประเทศเกาหลีไต้ ที่ได้เป็นหมออาสาเพื่อไปช่วยเหลือคนไข้ยังประเทศกัมพูชา ด้วยความที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยาก  แม้ตัวเองจะต้องเดือดร้อนไม่ได้กลับบ้านพร้อมเพื่อนๆในทีมทันเวลา ซึ่งผลแห่งการทำดีที่เขาได้รับก็คือยา(ผีบอกรึเปล่าก็ไม่รู้555🧟‍♂️) 10 เม็ด ที่จะสามารถพาเขาย้อนเวลากลับไปยังอดีตช่วงเวลาที่เขาต้องการได้ 

      ซึ่งในทีแรก ซูฮยอน เองก็ไม่ได้เชื่อเลยสักนิดด้วยความที่ตัวเองก็เป็นหมอด้วย  จึงเอายาไปให้ห้องแล็บของโรงพยาบาลทดสอบ แต่ก่อนที่ผลตรวจจะออกมาด้วยความที่ตอนนี้ตัวเองป่วยหนักคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน แล้วเขาเองก็ยังมีเรื่องติดค้างในใจกับ ยอนอา คนรักเก่าในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ก็เลยตัดสินใจ ตายเป็นตายงานนี้ หมอซูฮยอน ก็เลยจัดไปเม็ดนึงซะเลย

      แล้วยามันก็ได้ผลจริงๆเขาได้ย้อนกลับไปในอดีตได้เจอกับตัวเองในขณะนั้น แต่มันกลับกลายเป็นว่า การย้อนกลับไปเจอตัวเองในอดีตของ ซูฮยอน มันก็ได้สร้างเรื่องราววุ่นวายขึ้นมา เมื่อความต้องการของ ซูฮยอน ในอดีตกับความต้องการของตัวเองในปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ยอนอา…ความต้องการของตัวเองมันดันไม่ตรงกันนี่ซิ

      หนังที่ขณะดูไปก็นึกอยู่ในใจนะว่านี่มัน butterfly effect ฉบับหนังโรแมนซ์ชัดๆ คือระหว่างที่ตัวละคร ซูฮยอน กลับไปแก้ไขอดีตเราก็จะเห็นได้ว่าบางครั้งสิ่งที่เขากลับไปแก้มันไม่ได้ทำให้อะไรแตกต่างหรือดีขึ้นได้เลย ซึ่งจุดนี้หนังแนวย้อนเวลาหลายๆเรื่องก็พยายามเอามาสื่อนะว่า  คนเราบางทีอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตมันก็เท่านั้น  ถึงต่อให้เราแก้ไขได้สำเร็จก็จริง  แต่มันก็ไม่แน่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาได้นั้นมันจะดีเหมือนอย่างที่เราหวังไว้หรือเปล่า

      ซึ่งพอถึงเรื่องราวช่วงนี้ก็คาดเดาตอนจบไว้เหมือนกันว่าจะลงเอยแบบไหน แต่จะดาร์กหรือจะสมหวังไม่สปอยแล้วกัน  สังเกตดูหนังที่มีพล็อตย้อนเวลาหลายๆเรื่องมักจะหนีไม่พ้นตัวละครเอกพยายามอยากจะย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวความรักในอดีต 

      ส่วนตัวมองว่าหนังแนวนี้ทำออกมาก็เพราะเชื่อว่าในชีวิตเราหลายๆคน  คงเคยทำอะไรผิดพลาดในเรื่องความรักกันทั้งนั้น  ซึ่งถ้าเป็นไปได้หลายๆคนคงอยากจะกลับไปแก้ไขมัน เหมือนกับ ซูฮยอน ที่คิดว่าตัวเองมีส่วนทำให้เกิดเรื่องร้ายๆกับ ยอนอา คนรักเก่าในอดีต ในทีแรกเขาเองก็ไม่ได้คิดจะย้อนกลับไปเพื่อแก้ไขด้วยเหตุผลบางอย่างในปัจจุบัน แต่เมื่อ ซูฮยอน ในอดีตได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรักของตัวเอง ใครล่ะจะไปยอมให้เกิดขึ้นได้

      มันก็เลยเกิดความขัดแย้งสับสนในตัวเองขึ้นมา ใจนึงเชื่อว่า ซูฮยอน ในปัจจุบันก็คงอยากแก้ไขเรื่องราวไปไม่น้อยว่าตนเองในอดีต แต่ ซูฮยอน ในอดีตที่ไม่เคยผ่านชีวิตและประสบการณ์เดียวกับตัวเองที่มาจาก 30 ปีข้างหน้า ก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  เพียงเพราะอยากจะแก้ไขเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับ ยอนอา คนรักของตัวเอง

      ก็เหมือนอย่างที่ผมเกริ่นขึ้นมาในตอนแรกว่า บางครั้งเมื่อเราผ่านประสบการณ์ ผ่านเรื่องราวต่างๆหล่อหลอมจนเป็นเราในทุกวันนี้ หรือว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมันมีสิ่งที่ดีที่สำคัญอยู่่กับตัวแล้ว ถ้าการไปเปลี่ยนแปลงอดีตเราก็อาจจะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปเพื่อแลกกับการได้บางสิ่งคืนมา

      แต่ละคนคงต้องไปชั่งน้ำหนักกันเอาเอง ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน แต่อาจจะเป็น….เราจะสามารถทนอยู่กับการสูญเสียสิ่งไหนได้มากกว่ากัน

       สรุปแล้วเป็นหนังเรื่องนึงที่ครบรสนะ ทั้งโรแมนติก คอมเมดี้ ดราม่า มีทั้งความหน่วงและความฟิน สาระแง่คิดต่างๆ แม้หนังเองอาจจะไม่ถึงกับขยี้ปมดราม่าต่างๆ ฟูมฟายมากมาย ถือว่ากำลังดีดูได้เพลินๆ มีมุกฮาตัดสลับเป็นช่วงๆซึ่งตัวฮาก็คือ แทโฮ เพื่อนซี้ที่คอยช่วยเหลือเพื่อนอย่าง ซูฮยอน อยู่ตลอดเวลาทั้งในอดีตและปัจจุบัน หรือกระทั่งกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับหญิงอยู่ก็สามารถละได้ในทันดี 555 รักเพื่อนขนาดไหนเนี่ย

#MovieReview #รีวิวหนัง