วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

Blood and Ties (2013)

Blood and Ties (2013) สายสัมพันธุ์แห่งนรก
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Thriller
      ในเกาหลีใต้มีคดีลักพาตัวเด็กในปี 1991 ที่โด่งดังอย่างมากคดีหนึ่งซึ่งเคยถูกสร้างเป็นหนังมาครั้งหนึ่งแล้วในชื่อ voice of murderer (2007) เสียงจากฆาตกร ที่เล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ลูกชายถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยเหลือเด็กไว้ได้ และจนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ 

      หลักฐานสำคัญที่ทางตำรวจมีก็เพียงแค่เสียงของคนร้ายที่โทรมาเพื่อขมขู่เรียกค่าไถ่เท่านั้นเอง   ซึ่งในหนังเรื่อง voice of murderer นั่นในตอนจบของเรื่องก็มีการใส่เสียงของคนร้ายเอาไว้ด้วยเพื่อให้ผู้ชมที่ดูหนังได้ฟังแล้ว เผื่อจะให้เบาะแสกับทางการได้ แต่ทุกอย่างก็ดูจะไม่เป็นผลเท่าไหร่


      ดาอึน (หญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักข่าวใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ (ที่ทำงานขับรถรับจ้างสองคน เนื่องจากแม่นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เธอเด็ก แต่ทั้งสองคนก็มีชีวิตอย่างมีความสุขแม้ครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ความสุขและความเชื่อใจกันของสองพ่อลูกเริ่มสั่นคลอน เมื่อวันหนึ่งที่ ดาอึน ได้ไปดูหนังที่สร้างจากเรื่องจริงของคดีลักพาตัวเด็กในอดีต ซึ่งเมื่อได้ฟังเสียงของฆาตกรในตอนจบแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าเสียงของคนร้ายมันชั่งคล้ายกับเสียงของพ่อเธออย่างมาก
      นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการตามหาความจริง ที่มันอาจจะเป็นจริงหรือเธออาจจะคิดระแวงไปเองจนทำลายความรักความเชื่อใจระหว่างพ่อและตัวเธอเองก็ได้ และตอนนี้ทางการก็มีเวลาอีกเพียง 15 วันก่อนที่คดีจะสิ้นอายุความและคนร้ายก็จะหลุดรอดจากความผิดที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้

      เป็นหนังที่เอาเหตุการณ์จริงมาต่อยอดในการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ผลที่ออกมาแม้จะไม่ได้ขยี้เรื่องราวหรืออารมณ์มากมายนัก แต่ก็ถือว่าตั้งคำถามได้ดีนะว่า ถ้าคุณรู้จักกับคนร้ายที่เป็นพ่อแม่ หรือคนรู้จัก คุณจะเลือกปกป้องปกปิดเรื่องราวเอาไว้หรือจะแจ้งเบาะแสกับทางการ ในเมื่อคุณเองก็ยังไม่แน่ใจว่าคนของเรากระทำผิดแน่ชัดหรือเปล่า

      ซึ่งตัว ดาอึน เองก็ต้องเจอกับคำถามนี้เช่นเดียวกัน และก็ต้องพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองด้วยว่าพ่อที่เธอรัก และเขาก็รักเธอมากกว่าอะไรทั้งสิ้น จะเป็นคนร้ายที่ฆ่าเด็กคนนึงได้ลงคอจริงๆหรือ ตัวหนังเองก็นำเสนอออกมาแบบทั้งให้หวาดระแวง แล้วก็คลายความหวาดระแวงของลูกสาวและคนดูสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง

      เอาจริงๆหนังก็แทบจะไม่มีช่องโหว่หรอกนะ อาจจะมีจุดที่ดูจงใจให้คนสงสัยหรือคลายสงสัยแบบชัดเจนเกินไปบ้างในบางครั้ง สุดท้ายแล้วทั้ง ดาอึน และ คนดูต้องตัดสินใจเอาเองนั่นแหละว่าจะเลือกยืนฝั่งไหน

      หนังเรื่องนี้แม้จะเป็นหนังที่เกี่ยวกับอาชญากรรม แต่หลักๆของเรื่องก็ยังเน้นที่อารมณ์ดราม่าเป็นหลักแล้วเสริมด้วยอารมณ์ลึกลับชวนสงสัย ความเป็นทริลเลอร์ที่เป็นเครื่องหมายการค้าหนังเกาหลีมีน้อยมากสำหรับเรื่องนี้ ความรู้สึกตอนดูเลยออกจะเรื่่อยๆไปซักหน่อย เพราะในส่วนของดราม่าเองก็ไม่ถึงกับขยี้ความสะเทือนใจอะไรมากมาย

      สรุปแล้วเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง มาทำหนังสะท้อนในมุมมองของความคิดคนในครอบครัวคนร้าย ว่าถ้าเกิดรู้เรื่องจะตัดสินใจเลือกทำแบบไหน ผลที่ได้ออกมาก็ถือว่ากลางๆไม่ถึงกับสนุกมากมาย แต่อาจจะถูกใจคนที่ชอบหนังที่เน้นอารมณ์ ดราม่า ทริลเลอร์ ในการตามล่าหาความจริงไปพร้อมกับตัวละคร


ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Blood and Ties (2013)

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...