วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561

Memories of Murder (2003)

Memories of Murder (2003) aka Salinui chueok (Korean Movie)
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Thriller #Crime
#มีสปอยนะจ๊ะ

      นักสืบท้องถิ่นปาร์คและโซต้องมารับมือกับคดีฆาตกรรมที่มีผู้พบศพหญิงสาวถูกข่มขืนและฆาตกรรมแล้วทิ้งศพไว้ในท่อระบายน้ำ    แต่ด้วยเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นในคืนฝนตกทำให้    หลักฐานต่างๆในคดีที่แทบจะไม่มีอะไรใช้ประโยชน์ได้เลย ฆาตกรฉลาดและไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรไว้แม้แต่น้อย นักสืบปาร์คและโซจึงตัดสินใจคุมตัว กวางโฮ หนุ่มสติฟั่นเฟื่อนที่มักจะชอบสะกดรอยตามสาวๆและชอบทำอะไรเพี้ยนๆอยู่เสมอ


      นักสืบโซที่เป็นพวกชอบใช้กำลังในการสืบสวนก็อยากปิดคดีให้แล้วๆไปก็เลยจัดการซ้อม กวางโฮ 
ให้รับสารภาพ แต่ก็โดนสกัดด้วย แทยูน นักสืบจากโซลที่ถูกส่งมาให้ช่วยคดีนี้ซะก่อน    ทำให้สุดท้ายก็ต้องปล่อย กวางโฮ ไปและเริ่มสืบสวนกันใหม่ แต่ไม่ทันที่คดีเก่าจะสะสางเสร็จหญิงสาวรายใหม่ก็ถูกฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกรายแล้วรายเล่า 

      ทีมสืบสวนก็เลยต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะเมื่อไหร่ที่ถึงคืนฝนตก ก็อาจจะมีหญิงสาวที่โชคร้ายตกเป็นเหยื่อของฆาตกรรายนี้อีกก็ได้    ซึ่งในทุกครั้งที่เหมือนจะเข้าใกล้ตัวฆาตกรมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เหมือนกับว่าสิ่งที่พวกเขาสงสัยกับความเป็นจริงมันกลับสวนทางและห่างไกลจากการจะได้ตัวคนผิดมาลงโทษในทุกครั้ง

      หนังอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างจากเรื่องจริงของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญในเกาหลีใต้ที่ถูกเรียกว่า Hwaseong serial murder case ที่มีหญิงสาวถูกฆาตกรรมและข่มขืนนับสิบรายในคืนฝนตก 

      เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมือง Hwaseong ระหว่างปี 1986-1991 ซึ่งเหยื่อแต่ละคนมีลักษณะการถูกทารุณและฆาตกรรมในแบบเดียวกัน ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้และคดีได้หมดอายุความไปตั้งแต่ปี 2006 แล้ว แต่หลักฐานทุกอย่างในคดีก็ยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

      เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่เล็งไว้ว่าจะดูนานมากๆหลายปีที่เดียว 555 ในที่สุดก็ได้ดูสักที ถามว่าประทับใจไหม ส่วนตัวเอาจริงๆออกแนวเกือบชอบนะไม่ถึงกับประทับใจ แต่ดูชื่อผู้กำกับ บอง จุน โฮ ก็ไม่แปลกใจเพราะผลงานของผู้กำกับคนนี้ที่เคยได้ดูก็เคมีไม่เข้ากับแอดเท่าไหร่นัก 

      ที่เหมือนว่าไม่ถูกใจนั้น ไม่ใช่เพราะหนังไม่ดีนะ ถือว่าเป็นหนังสืบสวนที่ดีเรื่องนึงเลย แต่ที่ไม่ถูกใจคือจังหวะหรือสไตล์การเล่าเรื่องของผู้กำกับคนนี้มากกว่า คือมันไม่ทันใจวัยโจ๋ งานแกจะเป็นแนวเสียดสีที่ไม่ใช่การตีหัวเข้าบ้านน่ะ    แต่เป็นการปล่อยให้คนใช้เวลาขบคิดแล้วค่อยๆซึมลึกเข้าไปหลังจากดูหนังจบแล้ว อย่างในเรื่องนี้ส่วนตัวที่ตีความได้ 
(ไม่รู้ว่าตรงกับที่เจ้าตัวต้องการสื่อหรือเปล่านะ) 

      คือการตั้งคำถามกับ ระบบ และสังคมว่า จริงๆแล้วเราต้องการคนผิดมารับโทษหรือเราแค่ต้องการแค่ใครบางคนมารับผิดเท่านั้น อย่างสองนักสืบ ปาร์คและโซ ที่ทั้งซ้อมและสร้างหลักฐานขึ้นมาโดยที่ไม่สนใจว่า กวางโฮ จะทำผิดจริงไหม 

      หรือในตอนท้ายเรื่องกับสิ่งที่ นักสืบ แทยูน พยายามจะทำ ทั้งๆที่หลักฐานออกมาแล้วว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นไม่ตรงกับข้อสงสัยที่มี เอาจริงๆถ้าหนังขยี้ต่อด้วยการให้สังคมกดดันในการหาคนมารับโทษด้วยความเข้มข้นน่าจะยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ว่าไปตามไทม์ไลน์ในหนังช่วงนั้นมีเหตุประท้วงอะไรซักอย่างพอดี สังคมเลยอาจให้น้ำหนักความสนใจไปในทางอื่นด้วย 

      สรุปแล้วเรื่องนี้เป็นหนัง สืบสวน ที่ให้น้ำหนัก ดราม่า มากกว่าความ ระทึกขวัญ ตื่นเต้น ถ้าคนชอบหนังสืบสวน ดราม่า ที่ค่อยๆคลี่คลายปมหาคนร้ายไปเรื่อยๆ จังหวะเนื้อเรื่องไม่เร่งเร้ามาก ก็น่าจะถูกใจนะ แต่ถ้าชอบแนวทริลเลอร์ ลุ้นระทึก แบบแทบหยุดหายใจ เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก

#MovieReview #รีวิวหนัง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...