วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

The Unjust (2010)

The Unjust (2010) Korean Movie
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller #Drama
      เรื่องราวในหนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการ ตั้งคำถาม สะท้อน เสียดสี แล้วก็เหมือนสรุปเอาเอง ตามแบบฉบับแนวคิดของชาวบ้านทั่วไปที่มองกระบวนการยุติธรรม เมื่อเกิดคดีที่มีกระแสสังคมกดดันให้หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งแต่ละคนก็คงต่างความคิดกันไป สุดท้ายแล้วเมื่อกระบวนการจบลงทุกคนก็ต้อง(แสดง)การยอมรับอยู่ดี

      เมื่อผู้ต้องสงสัยรายสำคัญที่ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งทางการกำลังต้องการตัวดันถูกวิสามัญฆาตกรรม แต่ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์กลับระบุว่าเขาไม่ใช่ผู้กระทำผิด ทำให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลยต้องหาทางปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นและหาคนที่จะมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงนี้ เพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้กำลังเป็นที่จับตาของสังคม


      และคนที่ถูกเรียกมาจัดการเรื่องนี้ก็คือ ชเวซอลกิ ตำรวจที่ถนัดในการทำเรื่องสกปรกแบบนี้ ซึ่งสิ่งที่เขาจะทำก็แค่เรื่องง่ายๆ หาผู้ต้องสงสัยมาเป็นแพะซักคนนึงแล้วก็ใช้ให้ จางซุกกู เจ้าพ่อบริษัทก่อสร้างที่ทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน เป็นคนบังคับให้แพะรับสารภาพ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะ อัยการ จูยัง ที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลคดีนี้ไม่ค่อยเชื่อผลการสืบสวนซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่า ตัวเขาเองก็มีเรื่องที่ไม่ขาวสะอาดพัวพันกับเรื่องยุ่งๆที่คดีนี้อาจจะมีผลต่ออนาคตของ จูยัง ได้เหมือนกัน
      อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่าเรื่องนี้เหมือนภาพสะท้อนความคิดของสังคม ที่อาจจะมองกระบวนการต่างๆในแง่ลบ เหมือนสรุปความเอาด้วยตัวเอง อะไรหลายๆอย่างในเรื่องเลยออกมาเหมือนเป็นทฤษฎีสมคบคิดไปเสียหมด ทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ด้วยผลประโยชน์ที่ลงตัว
      รวมทั้งเมื่อค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน เมื่อความก้าวหน้าในอาชีพตำรวจก็คือการสร้างผลงาน ตำรวจอย่าง ชเวซอลกิ ที่แป๊กอยู่กับที่ไม่ได้เลื่อนขั้นกับเขาสักที มีโอกาสสร้างผลงานปลอมๆตามถนัดเพื่อเอาใจนายก็รีบโดดตะครุบทันที เพราะคิดว่านี่คือโอกาสทอง โดยไม่สนว่าตัวเองจะต้องทำผิดมากแค่ไหน หรือต้องกำจัดใครที่ขวางทางออกไป หรืออัยการ จูยัง ที่แม้จะไม่ได้มือเปื้อนเลือดแบบ ชเวซอลกิ แต่มือก็สกปรกเพราะคอยเคลียร์ปัญหาหรือจัดการอำนวยความสะดวกให้พวกคนรวยนักธุรกิจที่มีปัญหาคดีความต่างๆให้พ้นผิด แลกกับการสนับสนุนทางการเงินหรือผลักดันให้เขาก้าวหน้าในอาชีพ
      จางซุกกู นักธุรกิจที่ละโมบ มุมนึงก็เหมือนอยู่ดีๆก็หาเรื่องหาความซวยใส่ตัว เพราะต้องการความช่วยเหลือบางอย่างเลยต้องรับงานหาแพะรับบาปให้ ชเวซอลกิ ตัวเองก็เลยพลอยซวยรับผลกรรมจากเรื่องยุ่งเหยิงไปด้วย
      หลังดูจบถ้าจะมองย้อนกลับมาที่สาเหตุเรื่องวุ่นๆทั้งหมดก็เกิด เพราะเมื่อเริ่มทำเรื่องสกปรกแล้วคิดจะเช็ดด้วยผ้าขี้ริ้วที่มันสกปรกเหมือนกัน ก็มีแต่จะทำให้สกปรกมากขึ้น แถมความสกปรกมันยังเลอะติดมือคนเช็ดมาอีกด้วย ถ้าใครได้ดูจบแล้วจะรู้เลยว่า ถ้า ชเวซอลกิ ทำอะไรตรงไปตรงมาแต่แรก เรื่องราวต่างๆคงไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายแบบนี้แน่ๆ

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : The Unjust (2010)

#MovieReview #รีวิวหนัง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...