วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

You Are the Apple of My Eye (2011)


       คำที่ว่า “มีความรักในวัยเรียนก็เหมือนจุดเทียนกลางสายฝน” ดูจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงนัก   ถามว่าช่วงความรักวัยนั้นมันอาจจะสวยงามและน่าจดจำสำหรับหลายๆคน   แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีสักกี่คู่ที่ประสบความสำเร็จ  คบกันจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่สร้างครอบครัวด้วยกัน   หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สะท้อนเรื่องราวของคำว่า เพื่อน ความรัก ที่มีเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ ในช่วงวัยที่ทุกคนมีแต่ความไร้เดียงสา

      เคอชิงเถิง หรือ เคอเถิง (เด็กนักเรียนที่เอาแต่รวมกลุ่มกับแก็งค์เพื่อนวันๆไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนอย่างคนอื่นเขา   จนวันหนึ่งที่ เคอเถิง นึกสนุกเล่นอะไรพิเรนด้วยการแข่งขัดจรวด (ชักว่าว) ฮ่าฮ่า กับเพื่อนในห้องเรียนจนถูกจับได้   เลยโดนลงโทษด้วยการย้ายที่นั่งมาอยู่ด้านหน้าของ เฉินเจียยี่ (เด็กนักเรียนหญิงหัวหน้าห้องที่แสนน่ารักซึ่งใครๆก็ต่างแอบชอบ   โดยที่ เจียยี่ ก็ต้องคอยติวหนังสือให้เคอเถิงด้วย   นี่เองเลยเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งสองคน   ที่ต่างต้องผ่านเรื่องราวอะไรมากมายและด้วยวัยที่ยังเดียงสา   ก็เลยต้องพิสูจน์กันว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะสามารถผ่านปัญหาต่างๆไปด้วยกันได้มั้ย    
      ขอนอกเรื่องแป๊บ อยากจะพูดถึงนางเอกของเรื่องอย่าง เฉินเหยียนซี คือแอดเห็นเธอครั้งแรกตอนที่รู้ว่าเธอได้เล่นเป็น เซียวเหล่งนึ่ง มังกรหยก ภาค จอมยุทธ์อินทรีย์ ปี 2014   ตอนนั้นมองยังไงเธอก็ไม่สวยไม่เหมาะสักนิด   แต่พอได้มาดูเรื่องนี้ความรู้สึกกลับตรงกันข้ามเลย คือมีเสน่ห์มาก   ดูลงตัวเลยไปหมด   ดูแล้วเธออาจจะด้วยไม่เหมาะกับการไปแต่งตัวย้อนยุคเล่นแนวพีเรียดหรือเปล่าเลยทำให้เสน่ห์ของเธอดูลดลง
      กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า หนังเรื่องนี้ถ้าเปรียบไปก็เหมือน แฟนฉัน ฉบับที่โตขึ้นมาหน่อย เพราะเรื่องราวใน แฟนฉัน น่าจะอยู่ในช่วงวัยประถมคือเรียกว่ายังไม่รู้จักความรักแบบชู้สาวหรอก จะมีให้กันก็แค่ความรู้สึกดีๆ แต่ You Are the Apple of My Eye (2011) เรื่องนี้เป็นช่วงเวลาในวัยมัธยมล่วงเลยมาจนถึงมหาวิทยาลัย ที่ความรู้สึก"รัก"ก็คือคำว่ารักจริงๆ ซึ่งหลายคนก็คงมีเหตุการณ์ที่ตัวเองกับเพื่อนชอบผู้หญิงคนเดียวกันแน่ๆ ต้องมาแข่งกันจีบหรือเพื่อนให้เราไปขอเบอร์คนที่มันชอบแต่เราก็แอบชอบอยู่เหมือนกัน

      ในเรื่องนี้เอาจริงๆแล้วทั้ง เคอเถิง และ เจียยี่ ก็ต่างนำพากันไปเจอแต่เรื่องดีๆนะ เคอเถิง จากที่เป็นเด็กเกเรก็กลับมาตั้งใจเรียนจนเข้ามหาวิทยาลัยได้  และทุกอย่างก็เหมือนกำลังจะเป็นไปด้วยดี แต่ยังไงซะความรักในวัยนี้มันก็มีอะไรมากมายที่เป็นเรื่องอธิบายยาก
      การกระทำต่างๆบางทีก็ไร้เหตุผล ยิ่งส่วนใหญ่ความคิดของผู้หญิงมักจะโตไวกว่าผู้ชายด้วยแล้วความเพ้อฝันกับความเป็นจริงบางทีมันก็มีแค่เส้นบางๆกั้นเอาไว้ บางครั้งแค่เรื่องไร้สาระเล็กน้อยแต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โต คำว่า”ขอโทษ” คำพูดง่ายๆที่ไม่ยอมพูดกัน มันก็เป็นอีกหนึ่งความไร้เดียงสาของช่วงวัย ที่ถ้าคู่ไหนผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ก็คงเป็นโชคดี

      เพราะความรักในช่วงวัยนี้มักจะเป็นความรักที่ใช้ใจ มากกว่าใช้สมองหรือเหตุผลในการรักใครสักคน เพราะเมื่อเราโตขึ้นความรักบางทีมันก็เป็นเรื่องรองลงมา เรื่องสำคัญอันดับแรกเลยก็คือ “พรุ่งนี้กูจะเอาอะไรกินดี ฮ่าฮ่า“ จบกันหักมุมดื้อๆเลย
      สรุปแล้วเรื่องนี้ก็เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่พาคุณย้อนวัยไปรำลึกความรักในวัยเรียน ที่ถึงแม้ไม่ว่าเราจะสมหวังกับมันหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นช่วงเวลาให้เราได้เรียนรู้ "ที่จะรักให้เป็นและเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น"

#MovieReview #รีวิวหนัง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Review: #Alive (2020)

 #Alive (2020) คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ Screenwriter & Director:   Jo Il Hyung       ตั้งแต่ทั่วโลกได้รู้จักกับ Train to Busan ก็ต้องบอกว่า ไม...