Don't cry mommy (2012)
#ปีนรั้วรีวิว #Drama #Thriller #หนังเกาหลี #หนังดราม่า #หนังระทึกขวัญ #Dont_cry_mommy
"If they can't punish them i will do it my self"
เมื่อเกิดคดีความต่างๆแล้ว สิ่งที่ผู้เป็นฝ่ายเสียหายต้องการมากที่สุดก็คือได้รับความเป็นธรรม ที่ถึงแม้ว่าผลที่ได้อาจจะไม่สามารถทดแทนหรือชดเชยกับความสูญเสียได้ แต่อย่างน้อยความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรม มันก็ยังพอจะช่วยเยียวยาความรู้สึกของเหยื่อได้
หนังเล่าถึงคู่แม่ลูก คิมยูลิม (Seon Yu) และอึนฮา (Bo-ra Nam) ที่ฝ่ายแม่นั้นเพิ่งหย่ากับสามีมาหมาดๆ จึงต้องอยู่กับลูกสาวเพียงลำพังสองคน อึนฮา ด้วยความที่กำลังเป็นวัยรุ่น อายุ 17 ปี ก็เริ่มที่จะมีความรัก แต่ดันไปหลงรัก โจฮัน (Dong-ho Shin) หนุ่มเพลบอยประจำโรงเรียนเข้า เลยทำให้เกิดเรื่องสะเทือนใจขึ้นเมื่อในคืนหนึ่ง โจฮัน ได้นัดเจอกับ อึนฮา แต่โจฮันไม่ได้มาเพียงลำพังแต่ยังพาเพื่อนสาระเลวมาอีกสองคนด้วย คืนนั้นจึงเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับอึนฮา ฝ่ายคนเป็นแม่เมื่อเห็นสภาพลูกของตัวเองก็ทำอะไรแทบไม่ถูก ฝ่ายตำรวจพอจะดำเนินคดีก็ไม่ดำเนินเรื่องจริงจังเพราะเห็นผู้กระทำผิดเป็นแค่เยาวชน พ่อแม่ของพวก โจฮัน ก็พยายามเจรจากับ คิมยูลิม ให้ยอมความโดยการจะค่าเสียหายให้ แต่ก็ไม่เป็นผลคนเป็นแม่พยายามจะให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่สุดท้ายคำตัดสินของศาลกลับไม่สามารถนำความยุติธรรมกลับมาให้ทั้งสองแม่ลูกได้
ใครที่คิดจะดูเรื่องนี้แนะนำให้เตรียมทิชชู่ไว้เยอะๆเลยนะครับ ต่อมน้ำตาแตกท่วมจอแน่ อารมณ์หนังมันทั้งเศร้า ทั้งสะเทือนใจ ดูไปก็แค้นไป แถมยังสะท้อนให้เห็นกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับคดีที่เยาวชนเป็นผู้กระทำผิดอีกด้วย ไม่เว้นกระทั่งพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกจนเสียคนแล้วยังให้ท้ายลูกของตัวเองเมื่อกระทำผิด ยิ่งเมื่อเหยื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมมันจึงเป็นสาเหตุให้เกิดศาลเตี้ยเกิดโศกนาฎกรรมขึ้น
ตอนดูเราเข้าใจถึงความรู้สึกตัวละคร คิมยูลิม ได้เลยนะ เธอไม่รู้จะทำอย่างไงให้จิตใจมันสงบลงได้ เมื่อการดำเนินคดีตามกฏหมายไม่สามารถทำอะไรได้ แถมพวกนั้นก็ไม่เคยสำนึกกระทำผิดซ้ำซากเย้ย กฏหมายอย่างจงใจ เพราะยังไงซะกฏหมายก็ปกป้องเยาวชนอย่างพวกเขาอยู่ดี เมื่อเราเป็นแค่คนธรรมดามีความรู้สึกมีเลือดเนื้อ รักได้ก็โกรธเกลียดเป็น แม่อย่าง คิมยูลิม เลยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่แม้มันอาจจะไม่ทำให้จิตใจมันสงบลงก็จริง แต่อย่างน้อยสิ่งที่เธอทำลงไปมันก็ช่วยให้เธอไม่ต้องทนเห็นคนพวกนั้นลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้จักสำนึก
แม้ตัวหนังอาจจะเน้นหนักไปที่อารมณ์ ดราม่า การล้างแค้น อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในสังคมมากนัก แต่ทุกวันนี้ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และเป็นภัยที่ใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน จะให้พูดถึงการแก้ไขปัญหาในภาพใหญ่ก็คงจะพูดกันได้ทั้งปีไม่จบ คงได้แต่บอกว่าประชาชนตาดำๆเดินดิน คงจะต้องเริ่มจากดูแลตัวเองและคนใกล้ตัวกันก่อนเป็นอันดับแรก พยายามไม่พาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็น เพราะคนไม่ดีมีอยู่ทุกที่และเราไม่อาจรู้ความคิดของทุกคนได้ว่าใครมาดีหรือมาร้าย
ถ้าจะให้สรุปเรื่องราวที่คนดูจะได้จากหนังจะไม่ใช่แค่ความดราม่าสะเทือนใจเท่านั้น แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีลูกก็ควรที่จะเอาใจใส่สักนิดถึงแม้จะเลี้ยงให้เป็นคนดีทุกกระเบียดไม่ได้ ก็ขอแค่อย่าไปทำความเดือดร้อนให้ใครก็พอ เพราะเมื่อเกิดโศกนาฎกรรมขึ้นมาย่อมเกิดความสูญเสียด้วยกันทุกฝ่ายทั้งนั้น
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Don't cry mommy (2012)
#MovieReview #รีวิวหนัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น