THE DEEP END (2016)

THE DEEP END (2016) aka 12 FEET DEEP
#ปีนรั้วรีวิว #Thriller #หนังสยองขวัญ #หนังระทึกขวัญ

      หนังแนวติดกับที่ให้ตัวละครมีพื้นที่จำกัดในการเอาตัวรอด   ถือว่าเป็นหนังอีกแนวนึงที่ทำออกมาให้ดูสนุกค่อนข้างยาก   ปัจจัยแวดล้อมหรือวัตถุดิบที่จะมาใช้ให้สถานการณ์ต่างๆพลิกผันมีจำกัด   ถ้าบทไม่ดีจริงนักแสดงเล่นไม่ถึงดึงคนดูไม่ได้จริงๆ   แทบจะไม่ต้องหวังความบันเทิงจากหนังเรื่องนั้นๆได้เลย

      บรี (Nora-Jane Noone)และคลาร่า (Diane Farr) สองพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมานานได้นัดมาเจอกันก่อนจะถึงช่วงวันหยุดยาวที่สระว่ายน้ำสาธาระณะในเมือง หลังจากที่ทั้งสองคนลงไปว่ายน้ำได้ไม่นาน  เจ้าหน้าที่ดูแลสระน้ำก็เดินมาแจ้งทุกคนในสระว่ากำลังจะปิดสระแล้ว แล้วก็จะหยุดทำการหลายวัน  ซึ่งทุกคนก็ขึ้นจากสระน้ำมาทั้งหมดแต่บรีดันทำแหวนแต่งงานหล่นในสระน้ำ  ทำให้ทั้งบรีและคลาร่าโดดลงไปเก็บแหวน  แต่แหวนเจ้ากรรมก็ดันไปติดอยู่กับท่อน้ำทำให้ทั้งสองคนขึ้นจากสระน้ำไม่ทัน 

      ตอนนี้สระว่ายน้ำถูกแผ่นไฟเบอร์คลุมสระปิดไปซะแล้ว  และในตอนนี้ที่สระน้ำทุกคนก็ออกกันไปหมดแล้วอีกหลายวันกว่าจะมีคนเริ่มกลับมาทำงาน  ที่จะยังดีหน่อยสำหรับทั้งสองคนก็คือ  เครื่องปรับอุณหภูมิน้ำในสระยังทำงานอยู่และมีช่องอากาศเล็กๆที่พอจะให้หายใจได้  หลังจากพยายามหาทางออกอยู่นานทั้งสองก็ได้ยินเสียงคนจากข้างนอก  โดยที่ไม่รู้ว่าเสียงนั้นจะทำให้อุ่นใจ  หรือจะทำให้หนาวไปถึงขั้วหัวใจก็ไม่มีใครรู้ได้

      ดูเรื่องนี้ช่วงแรกๆก็หวิวๆเหมือนกันนะว่าไม่ค่อยสนุก  เพราะส่วนใหญ่จะเล่าความสัมพันธ์ของสองพี่น้อง บรีกับคลาร่า  ส่วนนึงไม่ได้ดูตัวอย่างมาก่อนด้วยเลยไม่รู้ว่าจะออกมาแนวไหน  ทีแรกก็นึกว่าจะมาแบบ Open water ที่เล่นกับความตื่นตูม สติแตก การตัดสินใจโง่ๆของตัวละคร  แต่พอผ่านช่วงแรกๆไปแล้วพอมีบุคคลที่สามเข้ามาก็ค่อยๆตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ  อาจจะไม่ถึงกับระทึกใจอะไรมากแต่ก็ดีขึ้นกว่าช่วงแรกๆเยอะ 

      เอาจริงๆถ้าหนังพาตัวละครไปให้สุดทางทั้งสองฝั่ง  ก็คงจะสนุกในแง่ของการเป็นหนังสยองขวัญ ระทึกขวัญ ได้มากกว่านี้  พอไม่ได้ทำแบบนั้นผลที่ได้ก็เลยออกมากลางๆไปไม่สุด  แต่ก็ถือว่าพอดูได้สำหรับคอหนัง ระทึกขวัญ  แล้วอีกอย่างเรื่องนี้ก็มีการเอาชื่อ โทบิ้น เบล จาก ซอว์ มาขายด้วยแต่ในเรื่องโผล่มาหน่อยเดียวไม่มีส่วนอะไรกับเนื้อเรื่องเลย เสียดายของจริงๆ

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : THE DEEP END (2016)

#MovieReview #รีวิวหนัง